Techno update Archives - MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ https://www.mtec.or.th/category/techno-update/ National Metal and Materials Technology Center Mon, 29 Sep 2025 08:58:29 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.3 https://www.mtec.or.th/wp-content/uploads/2019/03/favicon.ico Techno update Archives - MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ https://www.mtec.or.th/category/techno-update/ 32 32 M-Thick น้ำดื่มปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ https://www.mtec.or.th/mthick/ Mon, 29 Sep 2025 08:38:51 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=40705 เมื่ออายุมากขึ้น สภาพร่างกายและการทำงานของอวัยวะต่างๆ ย่อมเสื่อมถอย ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและอาจเกิดความเจ็บป่วยตามมา เรื่องหนึ่งที่น่ากังวลคือ การที่ผู้สูงอายุมีภาวะกลืนลำบาก

The post M-Thick น้ำดื่มปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

M-Thick น้ำดื่มปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ

เรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้ ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

สวัสดี “1 ตุลาคม” วันผู้สูงอายุสากล

เมื่ออายุมากขึ้น สภาพร่างกายและการทำงานของอวัยวะต่างๆ ย่อมเสื่อมถอย ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและอาจเกิดความเจ็บป่วยตามมา เรื่องหนึ่งที่น่ากังวลคือ การที่ผู้สูงอายุมีภาวะกลืนลำบาก อาการนี้อาจเกิดจากความเสื่อมถอยของอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการกลืน หรือความผิดปกติของระบบประสาท ภาวะกลืนลำบากยังอาจมีภาวะแทรกซ้อนได้หลายอย่าง เช่น ทุพโภชนาการ ปอดติดเชื้อ และปอดอักเสบเนื่องจากสำลักอาหาร

วิธีหนึ่งที่ช่วยลดการสำลักได้คือ การใช้สารเพิ่มความข้นหนืด (thickener) ผสมในอาหารและเครื่องดื่ม เมื่ออาหารหรือน้ำหนืดขึ้นก็จะไหลเข้าสู่หลอดอาหารอย่างช้าๆ ในลักษณะเป็นก้อน ไม่แตกกระเซ็นเข้าสู่หลอดลม

สารเพิ่มความข้นหนืดแบ่งเป็น 2 ประเภทตามองค์ประกอบ ได้แก่ แป้งดัดแปร (modified starch) และกัม (gum) ซึ่งเป็นพอลิแซ็กคาไรด์ที่สกัดจากพืช เช่น กัวร์กัม (guar gum) หรือจากจุลินทรีย์ เช่น แซนแทนกัม (xanthan gum)

สารเพิ่มความข้นหนืดจากกัมมีคุณภาพดีกว่าแป้งดัดแปร โดยเฉพาะเรื่องการปลดปล่อยน้ำตาลกลูโคสหลังการย่อย จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องควบคุมน้ำตาลหรือน้ำหนัก อย่างไรก็ตาม สารเพิ่มความข้นหนืดประเภทนี้มักมีราคาสูงเพราะต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ส่งผลให้ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยไม่สามารถเข้าถึงได้

ทีมวิจัยวัสดุศาสตร์อาหาร กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีโพลิเมอร์ขั้นสูง ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. พัฒนาสารเพิ่มความข้นหนืดจากเมือกเมล็ดแมงลักด้วยเทคนิคที่ไม่ซับซ้อน โดยมีจุดประสงค์หลักคือ การทำให้ผู้ประกอบการไทยผลิตสารเพิ่มความข้นหนืดได้เองจากวัตถุดิบในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาถูกลงและเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง

ในระยะแรก ทีมวิจัยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ในรูปของน้ำพร้อมดื่มภายใต้ชื่อ M-Thick ผลิตภัณฑ์นี้มีความหนืด 3 ระดับ ตามมาตรฐานของ IDDSI ของเครื่องดื่มสำหรับผู้มีภาวะกลืนลำบาก ได้แก่ หนืดเล็กน้อย (ระดับ 1) หนืดน้อย (ระดับ 2) และหนืดปานกลาง (ระดับ 3)

นอกจากคุณสมบัติความหนืดที่เทียบเท่ากับสารเพิ่มความข้นหนืดที่นำเข้าจากต่างประเทศแล้ว M-Thick ยังมีสมบัติการดึงยืดที่ดี ลดความเสี่ยงจากการแตกกระเซ็นของอาหารเข้าสู่หลอดลม ส่งผลให้กลืนได้อย่างปลอดภัย ไม่สำลัก

จุดเด่นของ M-Thick คือ ผู้สูงอายุดื่มแทนน้ำได้ โดยให้ความรู้สึกเหมือนการดื่มน้ำทั่วไป แต่ปลอดภัยมากกว่า หากผสมในนม เครื่องดื่มอุ่นร้อน หรือน้ำผลไม้ที่มีความเป็นกรด ความหนืดก็ยังคงเดิม

นอกจากช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้สูงอายุแล้ว ผลงานวิจัยนี้ยังช่วยสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกแมงลักและเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยขยายพอร์ตธุรกิจ โดยสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์สังคมสูงวัยอย่างเป็นรูปธรรม

ปัจจุบัน ผลงานวิจัย M-Thick อยู่ในขั้นทดลองทางคลินิก และกำลังหาผู้ประกอบการที่สนใจเพื่อขยายขนาดการผลิต

ติดต่อสอบถามข้อมูล
คุณชนิต วานิกานุกูล งานประสานธุรกิจและอุตสาหกรรม ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
โทรศัพท์ 0 2564 6500 ต่อ 4788
อีเมล: chanitw@mtec.or.th

The post M-Thick น้ำดื่มปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
อวัยวะเทียมจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ https://www.mtec.or.th/prosthetic/ Fri, 26 Sep 2025 02:20:04 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=40663 อวัยวะเทียมเป็นชิ้นส่วนที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ทดแทนอวัยวะที่ผู้ป่วยสูญเสียไป ปัจจุบันได้มีการนำเครื่องพิมพ์ 3 มิติมาใช้ผลิตอวัยวะเทียมและชิ้นงานทางการแพทย์อื่นๆ เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและการรักษา

The post อวัยวะเทียมจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

อวัยวะเทียมจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ

เรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้ ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

อวัยวะเทียมเป็นชิ้นส่วนที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ทดแทนอวัยวะที่ผู้ป่วยสูญเสียไป ปัจจุบันได้มีการนำเครื่องพิมพ์ 3 มิติมาใช้ผลิตอวัยวะเทียมและชิ้นงานทางการแพทย์อื่นๆ เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและการรักษา เนื่องจากการพิมพ์ 3 มิติมีจุดเด่นหลายอย่าง เช่น สามารถผลิตชิ้นส่วนที่ซับซ้อน ปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังช่วยลดเวลาและต้นทุนการผลิต

อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติในปัจจุบันมักผลิตได้เพียง ‘ชิ้นงานแข็ง’ ด้วยข้อจำกัดทางด้านวัสดุที่มีจำหน่ายในท้องตลาด ในขณะที่ ‘ชิ้นงานอ่อนนุ่ม’ มักมีต้นทุนสูง ทั้งจากราคาของวัสดุและเครื่องพิมพ์ที่มีราคาแพงและเฉพาะเจาะจง

ด้วยประเด็นปัญหาที่กล่าวมาแล้ว  ทีมวิจัยวัสดุเฉพาะทางสำหรับการประยุกต์ใช้ทางวิศวกรรม  ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. จึงมุ่งพัฒนาวัสดุปลอดภัยที่มีความอ่อนนุ่มและยืดหยุ่นคล้ายซิลิโคน และที่สำคัญคือสามารถใช้กับเครื่องพิมพ์ 3 มิติแบบน้ำยาเรซิน ชนิดแอลซีดีได้

ผลงานนี้เป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในวงการการผลิตอวัยวะเทียมด้วยการพิมพ์ 3 มิติ เนื่องจาก กระบวนการผลิตแบบใหม่มีขั้นตอนและเวลาลดลง ทั้งยังผลิตซ้ำได้ง่าย สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและความละเอียดได้ตามต้องการ วัสดุที่ใช้ก็ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองและการแพ้คัน

ที่สำคัญคือ ใช้ต้นทุนการผลิตที่ต่ำมาก เนื่องจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติชนิดแอลซีดี มีราคาย่อมเยาและจัดหาได้ง่าย

ทีมวิจัยยังตระหนักถึงความสำคัญของการฟื้นฟูคุณภาพชีวิตและการเยียวยาจิตใจแก่ผู้สูญเสียอวัยวะ โดยผลิตอวัยวะเทียมต่างๆ ไม่ว่านิ้ว หู หรือจมูก อย่างใส่ใจในรายละเอียด ดูสมจริง และใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด เพื่อให้ผู้ใช้มีความมั่นใจและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง

ทีมวิจัยมีแผนที่จะต่อยอดผลงานชิ้นนี้เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในวงกว้าง เช่น การพัฒนาวัสดุรองรับและปรับปรุงสูตรสำหรับผลิตโมเดลอวัยวะจำลอง เช่น หัวใจ ท่อรังไข่ หรือโมเดลอวัยวะจำลองภายในอื่นๆ เช่น ท่อกลวงขนาดจิ๋วระดับมิลลิเมตรที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้แพทย์หรือนักศึกษาแพทย์ได้ฝึกซ้อมหัตถการและเพิ่มพูนทักษะการผ่าตัด โดยเฉพาะอวัยวะที่มีความซับซ้อน เช่น หัวใจ ซึ่งมักไม่สามารถฝึกจากอาจารย์ใหญ่ได้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อช่วยให้แพทย์วางแผนผ่าตัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความแม่นยำ และลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการผ่าตัด

ทีมวิจัยของเอ็มเทคมีความภาคภูมิใจที่เป็นผู้บุกเบิกและผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนา ออกแบบ และปรับปรุงสูตรวัสดุอ่อนนุ่มที่ใช้ผลิตอวัยวะเทียมด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ที่ตอบโจทย์การใช้งานตามความต้องการด้วยต้นทุนที่ต่ำและราคาที่เข้าถึงได้

ติดต่อสอบถามข้อมูล:
ดร.รวิภัทร มณีโชติ ทีมวิจัยวัสดุเฉพาะทางสำหรับการประยุกต์ใช้ทางวิศวกรรม
กลุ่มวิจัยการออกแบบเชิงวิศวกรรมและการคำนวณ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค)
โทรศัพท์ 0 2564 6500 ต่อ 4450
อีเมล: raviphat.man@mtec.or.th

The post อวัยวะเทียมจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
การพัฒนา ‘เกณฑ์มาตรฐานความยั่งยืนของวัตถุดิบ’ สำหรับการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน https://www.mtec.or.th/saf-2/ Mon, 08 Sep 2025 03:36:55 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=40331 เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel, SAF) เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพที่ผลิตจากน้ำมันพืชใช้แล้วหรือวัตถุดิบทางการเกษตร องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization, ICAO) มีมาตรการส่งเสริมการใช้งานเชื้อเพลิงประเภทนี้

The post การพัฒนา ‘เกณฑ์มาตรฐานความยั่งยืนของวัตถุดิบ’ สำหรับการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

การพัฒนา ‘เกณฑ์มาตรฐานความยั่งยืนของวัตถุดิบ’ สำหรับการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน

เรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้ ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel, SAF) เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพที่ผลิตจากน้ำมันพืชใช้แล้วหรือวัตถุดิบทางการเกษตร องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization, ICAO) มีมาตรการส่งเสริมการใช้งานเชื้อเพลิงประเภทนี้ เนื่องจากมีศักยภาพมากที่สุดในการลดก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมการบิน

ปี ค.ศ. 2027-2035 ICAO มีแผนเริ่มใช้มาตรการภาคบังคับ เพื่อรักษาเสถียรภาพการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคการบินระหว่างประเทศไม่ให้เพิ่มขึ้นเกินกว่า 85% ของปริมาณการปล่อยคาร์บอนในปี 2019 ทุกสายการบินจะต้องรายงานการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเส้นทางการบินระหว่างประเทศเป็นประจำทุกปี หากปริมาณการปล่อยสูงกว่าค่าฐานของปี 2019 ก็ต้องซื้อคาร์บอนเครดิต หรือชดเชยด้วยการใช้ SAF

สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย มีแนวทางส่งเสริมการใช้ SAF 1% ภายในปี 2025 และกำหนดสัดส่วนการใช้เป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 (2027-2029) ใช้ SAF 2% ที่ผลิตจากน้ำมันพืชใช้แล้วหรือกรดไขมันปาล์มกลั่น ระยะที่ 2 (2030-2032) ใช้ SAF 3% ที่ผลิตจากน้ำมันพืชใช้แล้ว กรดไขมันปาล์มกลั่น หรือกากน้ำตาล และระยะที่ 3 (2033-2037) ใช้ SAF 5-8% ที่ผลิตจากน้ำมันพืชใช้แล้ว กรดไขมันปาล์มกลั่น กากน้ำตาล และวัตถุดิบทางการเกษตรอื่นๆ เช่น อ้อย มันสำปะหลัง หรือน้ำมันปาล์มดิบที่ผ่านมาตรฐานความยั่งยืน

ทีมวิจัยการประเมินความยั่งยืนและเศรษฐกิจและสังคม สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. มีส่วนช่วยผลักดันการใช้ SAF โดยดำเนินงานโครงการพัฒนาเกณฑ์มาตรฐานความยั่งยืนของวัตถุดิบสำหรับการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนของประเทศ ร่วมกับสมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย สมาคมเอทานอลจากมันสำปะหลัง และหน่วยงานพันธมิตร โดยได้รับการสนับสนุนทุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ภายใต้สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.)

ทีมวิจัยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาค่าเกณฑ์มาตรฐานของวัตถุดิบเป้าหมาย เพื่อใช้ประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวัฏจักรชีวิต (Core Life Cycle Assessment) ตั้งแต่การปลูกพืชวัตถุดิบไปจนถึงเชื้อเพลิงอากาศยาน ศึกษาการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อพิสูจน์ว่า SAF ที่ผลิตจากวัตถุดิบในประเทศสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 10% เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงอากาศยานดั้งเดิม และไม่ได้ผลิตจากวัตถุดิบที่มาจากการบุกรุกพื้นที่ป่าหลังวันที่ 1 มกราคม 2551

ทีมวิจัยยังศึกษาประเด็นสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคมร่วมด้วย ตลอดจนจัดทำร่างมาตรฐานความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพตามบริบทของประเทศที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและผลักดันเพื่อให้ร่างมาตรฐานได้การรับรอง

โครงการนี้เป็นประโยชน์ต่อทั้งเกษตรกรและผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพเพื่อเป็นวัตถุดิบให้แก่อุตสาหกรรมต่างๆ อีกทั้งช่วยให้อุตสาหกรรมการบินไทยปฏิบัติตามนโยบายของอุตสาหกรรมการบินโลก รวมถึงสร้างโอกาสและเสริมศักยภาพให้แก่ประเทศในการเป็นศูนย์กลางด้านการบินของภูมิภาคอีกด้วย

ติดต่อสอบถามข้อมูล:
ดร.เสกสรร พาป้อง ทีมวิจัยการประเมินความยั่งยืนและเศรษฐกิจและสังคม สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค)
โทรศัพท์ 0 2564 6500 ต่อ 4771
อีเมล: seksanp@mtec.or.th

The post การพัฒนา ‘เกณฑ์มาตรฐานความยั่งยืนของวัตถุดิบ’ สำหรับการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
‘SAF เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน’ สำหรับอุตสาหกรรมการบินโลก https://www.mtec.or.th/saf/ Wed, 03 Sep 2025 05:44:20 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=40229 โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกดังนั้น การที่จะลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกให้ได้ผล จำเป็นที่ทุกประเทศต้องร่วมมือกันกำหนดเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

The post ‘SAF เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน’ สำหรับอุตสาหกรรมการบินโลก appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

‘SAF เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน’ สำหรับอุตสาหกรรมการบินโลก

เรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้ ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกดังนั้น การที่จะลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกให้ได้ผล จำเป็นที่ทุกประเทศต้องร่วมมือกันกำหนดเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

การขนส่งทางอากาศเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญของมนุษย์ที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO (The International Civil Aviation Organization) ระบุว่า อุตสาหกรรมการบินมีส่วนทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกราว 2-3% จึงตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระยะยาว (ค.ศ.2024-2070) โดยควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคการบินระหว่างประเทศไม่ให้เกิน 85% ของปริมาณการปล่อยคาร์บอนในปี ค.ศ.2019

มาตรการในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ ICAO กำหนดมี 4 แนวทาง ได้แก่ การพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องบิน การปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติงานการบิน/สนามบิน การใช้เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF (Sustainable Aviation Fuels) และการใช้ตลาดคาร์บอนผ่านกลไกการชดเชยและการลดคาร์บอนสำหรับการบินระหว่างประเทศ หรือ CORSIA (Carbon Offsetting and Reduction Scheme for International Aviation)

มาตรการการใช้เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนหรือ SAF น่าจะเป็นทางออกที่สามารถช่วยให้บรรลุเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน เนื่องจากมีสัดส่วนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 65% เมื่อเทียบกับมาตรการอื่นๆ อีกทั้ง SAF ยังสามารถผสมกับน้ำมันอากาศยานที่ผลิตจากฟอสซิล หรือ Jet A-1 ได้ในอัตราส่วนสูงสุด 50% โดยปล่อยคาร์บอนน้อยกว่า และไม่ต้องดัดแปลงเครื่องยนต์ การดำเนินการตามมาตรการนี้คาดว่าจะช่วยลดมลพิษได้ถึง 80% เมื่อเทียบกับน้ำมันอากาศยานแบบเดิม

สหภาพยุโรปกำหนดเป้าหมายให้สายการบินที่บินเข้า-ออกยุโรปต้องใช้ SAF ในสัดส่วน 2% ภายในปี ค.ศ.2025 นี้ และจะเพิ่มขึ้นทุก 5 ปี โดยมีค่าสูงสุดที่ 70% ภายในปี ค.ศ. 2050

สำหรับภูมิภาคอาเซียน สิงคโปร์กำหนดการใช้ SAF 1% ภายในปีนี้เช่นเดียวกันกับการพิจารณาของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ CAAT (The Civil Aviation Authority of Thailand)

อย่างไรก็ดี การบรรลุเป้าหมายที่ท้าทายนี้จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและพันธมิตรในห่วงโซ่คุณค่าในการส่งเสริมการขยายขนาดการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน เนื่องจากราคาของ SAF สูงกว่าน้ำมัน Jet-A1 2.5 เท่า กำลังการผลิตทั่วโลกยังอยู่ในระดับต่ำ และวัตถุดิบตั้งต้น (feedstock) ต้องผ่านมาตรฐานความยั่งยืนตามมาตรฐาน CORSIA

ในตอนหน้าจะกล่าวถึงแนวทางการส่งเสริมการใช้ SAF ของไทย ตลอดจนบทบาทของ เอ็มเทค สวทช. ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนและอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ

ติดต่อสอบถามข้อมูล:
ดร.เสกสรร พาป้อง ทีมวิจัยการประเมินความยั่งยืนและเศรษฐกิจและสังคม สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค)
โทรศัพท์ 0 2564 6500 ต่อ 4771
อีเมล: seksanp@mtec.or.th

The post ‘SAF เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน’ สำหรับอุตสาหกรรมการบินโลก appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
EthylTap นวัตกรรมเก็บเกี่ยวน้ำยางอัตโนมัติเพื่ออนาคตของสวนยางไทย https://www.mtec.or.th/ethyltap/ Wed, 03 Sep 2025 02:25:38 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=40216 ชาวสวนยางในปัจจุบันเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งด้านแรงงานซึ่งคนกรีดยางต้องทำงานช่วงกลางคืนหรือเช้ามืด ต้องมีทักษะการกรีดเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุดโดยไม่ทำลายต้นยางพารา รวมทั้งยังเสี่ยงต่อการเผชิญกับสัตว์ป่า สัตว์มีพิษ และภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ในพื้นที่

The post EthylTap นวัตกรรมเก็บเกี่ยวน้ำยางอัตโนมัติเพื่ออนาคตของสวนยางไทย appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

EthylTap นวัตกรรมเก็บเกี่ยวน้ำยางอัตโนมัติเพื่ออนาคตของสวนยางไทย

เรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้ ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

ชาวสวนยางในปัจจุบันเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งด้านแรงงานซึ่งคนกรีดยางต้องทำงานช่วงกลางคืนหรือเช้ามืด ต้องมีทักษะการกรีดเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุดโดยไม่ทำลายต้นยางพารา รวมทั้งยังเสี่ยงต่อการเผชิญกับสัตว์ป่า สัตว์มีพิษ และภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ในพื้นที่ ส่วนรายได้ของชาวสวนยางก็ไม่แน่นอนเนื่องจากราคายางพารามักผันผวน ปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและความยั่งยืนของอาชีพชาวสวนยาง

EthylTap เป็นเครื่องเก็บเกี่ยวน้ำยางอัตโนมัติ พัฒนาโดยทีมวิจัยน้ำยางและวัสดุยาง กลุ่มวิจัยนวัตกรรมการแปรรูปยาง เอ็มเทค สวทช. เครื่อง EthylTap ทำงานโดยอาศัยกลไกตามธรรมชาติผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ มีการใช้แก๊สเอทิลีน (ethylene gas) ช่วยกระตุ้นให้ต้นยางปล่อยน้ำยางออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยยืดระยะเวลาการไหลของน้ำยางจากท่อน้ำยาง

หัวใจสำคัญของเครื่อง EthylTap อยู่ที่กลไกการเจาะซึ่งออกแบบให้สามารถเจาะได้อย่างแม่นยำ สม่ำเสมอ และไม่ทำลายเนื้อไม้

ความท้าทายในทางเทคนิคมีหลายอย่าง ที่สำคัญคือความแม่นยำในการกรีด เนื่องจากเปลือกต้นยางแต่ละต้นมีความหนาและความแข็งของเปลือกไม้แตกต่างกัน รวมทั้งท่อน้ำยางก็มีตำแหน่งความลึกแตกต่างกัน การกรีดต้องทำในระดับความลึกและมุมที่เหมาะสม โดยรักษาระดับความลึกและมุมในการกรีดให้แม่นยำ

สายพันธุ์ยางและอายุของต้นยางก็ส่งผลต่อรูปแบบการกรีดด้วยเช่นกัน ระบบจึงต้องสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเงื่อนไข ทีมวิจัยได้ออกแบบเครื่อง EthylTap ด้วยเทคโนโลยีที่ซับซ้อน เพื่อให้ใช้งานเครื่องนี้ได้ในสภาพจริง ใช้วัสดุที่ทนแดด ทนฝน ทนชื้น และออกแบบระบบให้ทำงานได้แม้ในสถานที่ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง

ปัจจุบันนักวิจัยได้พัฒนาเครื่องต้นแบบและทดสอบการใช้งานจริงในสวนยางทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงและขาดแคลนแรงงาน

ทีมวิจัยยังได้ศึกษาและประเมินผลกระทบของการใช้ฮอร์โมนเอทิลีนต่อคุณภาพของยางพารา โดยเก็บตัวอย่างจากสวนยางที่ ‘ใช้’ และ ‘ไม่ใช้’ แก๊สเอทิลีน แล้วเปรียบเทียบผลในมิติต่างๆ ได้แก่ กระบวนการแปรรูป สมบัติทางกายภาพ สมบัติทางเคมี และสมบัติของคอมพาวนด์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในยางของไทยว่ามีคุณภาพผ่านตามเกณฑ์มาตรฐาน

ทีมวิจัยมีเป้าหมายในระยะยาวคือ มีการใช้ Ethyltap ในสวนยางทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงและขาดแคลนแรงงาน นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาในการเชื่อม EthylTap กับระบบวางแผนการเก็บยางอัจฉริยะ เช่น AI หรือ IoT ซึ่งจะทำให้การทำสวนยางเป็น Smart Farming ที่มีประสิทธิภาพ

ติดต่อสอบถามข้อมูล:
คุณเนตรชนก ปิยฤทธิพงศ์
งานประสานธุรกิจและอุตสาหกรรม ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
โทรศัพท์ 0 2564 6500 ต่อ 4301
อีเมล: netchanp@mtec.or.th

The post EthylTap นวัตกรรมเก็บเกี่ยวน้ำยางอัตโนมัติเพื่ออนาคตของสวนยางไทย appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
การออกแบบเครื่องจักรกล “เรือช้อนตักขยะและวัชพืช” https://www.mtec.or.th/spoon-boat/ Fri, 08 Aug 2025 03:00:38 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=39668 ในช่วงฤดูฝน ปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นเป็นปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีระบบระบายน้ำไม่ดีเพียงพอ เมื่อปัญหานี้ผนวกรวมกับการสะสมของผักตบชวาในน้ำนิ่ง ก็จะยิ่งทวีความรุนแรง

The post การออกแบบเครื่องจักรกล “เรือช้อนตักขยะและวัชพืช” appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

การออกแบบเครื่องจักรกล “เรือช้อนตักขยะและวัชพืช”

เรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้ ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

ในช่วงฤดูฝน ปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นเป็นปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีระบบระบายน้ำไม่ดีเพียงพอ เมื่อปัญหานี้ผนวกรวมกับการสะสมของผักตบชวาในน้ำนิ่ง ก็จะยิ่งทวีความรุนแรง เนื่องจากการระบายน้ำทำได้ยาก ส่งผลให้เกิดน้ำท่วม รวมทั้งผักตบชวาแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและหนาแน่น ทำให้การกำจัดต้องใช้เวลานานและใช้แรงงานจำนวนมาก

จากปัญหาดังกล่าว ทีมวิจัยงานพัฒนาเครื่องจักรกล ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. จึงพัฒนานวัตกรรมต้นแบบ “เรือช้อนตักวัชพืช” เพื่อเป็นกลไกช่วยทุ่นแรง ผลงานนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากกองส่งเสริมและประสานเพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.)

ทีมวิจัยออกแบบเรือโดยเน้นการใช้งานได้จริง จึงลงพื้นที่สำรวจสภาพคลอง ทั้งขนาด ความลึก สภาพแวดล้อม รวมถึงวัชพืชแบบต่างๆ เช่น พืชลอยน้ำ พืชใต้น้ำ ขนาดของกอวัชพืช ข้อมูลทั้งหมดนี้นำไปใช้ในการออกแบบเรือให้เหมาะสมกับลักษณะของแต่ละพื้นที่

เรือช้อนตักขยะและวัชพืชรูปแบบแรก เป็นเรือแขนตักแบบบุ้งกี๋ ตัวเรือกว้าง 3 เมตร ยาว 4.8 เมตร ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 14 แรงม้า สามารถตักขยะลอยน้ำและวัชพืชน้ำได้ครั้งละ 100 กิโลกรัม พร้อมยกขึ้นขอบคลองได้สูงถึง 2.5 เมตร นำไปทดลองใช้งานในคลองระบายน้ำวัดหลักสี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวระบายน้ำหลักของกรุงเทพมหานครที่เคยมีผักตบชวาปกคลุมตลอดแนว

ต่อมาทีมวิจัยได้พัฒนาเรือรูปแบบที่ 2 โดยใช้ระบบสายพานลำเลียงต้นแบบสำหรับการเก็บขยะและวัชพืชลอยน้ำที่ลอยกระจายในคูคลองขนาดเล็ก

เรือแบบที่ 2 นี้กว้าง 2 เมตร  ยาว 5 เมตร และเหมาะกับคลองขนาดประมาณ  5-10 เมตร โครงสร้างผลิตจากเหล็กกล้าไร้สนิม เกรด 304 จึงทนทานต่อการกัดกร่อนทั้งน้ำจืดและน้ำกร่อย ใช้ระบบต้นกำลังเป็นเครื่องยนต์ดีเซล  25 แรงม้า สำหรับขับชุดระบบไฮดรอลิกของอุปกรณ์ต่างๆ 

เรือเก็บวัชพืชและขยะลอยน้ำ รูปแบบที่ 2 มีระบบฟังก์ชันสายพานลำเลียงวัชพืชด้านหน้าเรือเพื่อดึงวัชพืชและขยะขึ้นมา แล้วส่งไปยังชุดสายพานเก็บหรือพักวัชพืชบนเรือที่บรรจุได้ประมาณ 200-300 กิโลกรัม เมื่อวัชพืชเต็มเรือ ก็สามารกยกโครงสร้างสายพานด้านหน้าให้เอียงขึ้น แล้วบังคับให้ชุดสายพานหมุนกลับทิศทางเพื่อให้ปล่อยวัชพืชน้ำและขยะที่เก็บพักอยู่ในเรือลงบนตลิ่ง

เรือรูปแบบที่ 2 ได้นำไปทดลองใช้แล้วในพื้นที่อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม พบว่าใช้งานสะดวก คล่องตัว ลดการใช้แรงงาน

ทีมวิจัยมีแผนพัฒนาเรือให้หลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร เรือต้นแบบที่กำลังออกแบบมี 3 รูปแบบ ได้แก่

  • เรือช้อนตักทั่วไป
  • เรือช้อนตักพร้อมปีกกว้าง สำหรับคลองใหญ่ที่มีขยะลอยกระจาย
  • เรือที่ติดตั้งแขนบูมยกวัชพืชขึ้นบนตลิ่ง เหมาะกับผักตบชวาและผักบุ้งขนาดใหญ่

ทีมวิจัยงานพัฒนาเครื่องจักรกล เอ็มเทค มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบและพัฒนาเครื่องจักรกลให้ตอบโจทย์ปัญหาจริง ทั้งในด้านการเกษตร การจัดการสิ่งแวดล้อม รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน

ติดต่อสอบถามข้อมูล:
คุณกนกพร มั่นสกุล
งานประสานธุรกิจและอุตสาหกรรม ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
โทรศัพท์ 0 2564 6500 ต่อ 4305
อีเมล: kanokpom@mtec.or.th

The post การออกแบบเครื่องจักรกล “เรือช้อนตักขยะและวัชพืช” appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
ขนมขัดฟันสุนัขเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี https://www.mtec.or.th/dogtreat/ Mon, 21 Jul 2025 01:51:22 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=39222 ตลาดขนมสุนัขเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขนมที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่สุนัข ขนมขัดฟันสุนัขเป็นสิ่งที่เจ้าของนิยมให้สุนัขเพื่อเป็นรางวัล เพื่อให้ขบเคี้ยวเล่น หรือเพื่อช่วยลดความเครียด

The post ขนมขัดฟันสุนัขเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

ขนมขัดฟันสุนัขเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี

เรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้ ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

ตลาดขนมสุนัขเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขนมที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่สุนัข ขนมขัดฟันสุนัขเป็นสิ่งที่เจ้าของนิยมให้สุนัขเพื่อเป็นรางวัล เพื่อให้ขบเคี้ยวเล่น หรือเพื่อช่วยลดความเครียด

ขนมขัดฟังยังมีประโยชน์ในเชิงสุขอนามัยของช่องปากสุนัข เพราะช่วยให้ลมหายใจสดชื่น ลดหินปูน หรือคราบจุลินทรีย์ ทั้งนี้ขนมขัดฟันสุนัขที่มีความแข็งพอที่จะทำให้สุนัขเคี้ยวได้นานมักเป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่า เพราะเพิ่มระยะเวลาการขัดฟัน สามารถลดการก่อตัวของหินปูนได้ดีกว่าขนมขัดฟันที่นิ่ม

ทีมวิจัยวัสดุศาสตร์อาหาร ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. ร่วมกับบริษัท เอส.ไอ.พี.สยามอินเตอร์แปซิฟิค จำกัด พัฒนาความแข็งของผลิตภัณฑ์ขนมขัดฟันสุนัขด้วยกระบวนการเอ็กซ์ทรูชัน โดยทีมวิจัยประยุกต์องค์ความรู้ด้านการปรับโครงสร้างอาหารและกระบวนการผลิตมาพัฒนาขนมขัดฟันสุนัขที่มีความแข็งมากขึ้นกว่าขนมขัดฟันสุนัขสูตรดั้งเดิม

ทีมวิจัยมีความเชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์อาหาร จึงเข้าใจฟังก์ชันและผลกระทบที่เกิดจากส่วนผสมแต่ละชนิดที่มีต่อสมบัติและโครงสร้างของอาหาร ทำให้สามารถเลือกส่วนผสมและปรับสัดส่วนให้พอเหมาะ และสามารถพัฒนาสูตรขนมขัดฟันที่มีความแข็งสูงขึ้นถึง 2 เท่า

ปัจจุบัน ทีมวิจัยประสบความสำเร็จในการพัฒนาสูตรที่เหมาะสมในระดับห้องปฏิบัติการ รวมถึงขยายสเกลสู่ระดับการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว ทีมวิจัยคำนึงถึงการปรับพารามิเตอร์ของเครื่องมือและเครื่องจักรที่มีอยู่ในโรงงาน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีสมบัติตามต้องการ โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต และไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่

ภายหลังถ่ายทอดเทคโนโลยี บริษัทฯ ได้นำสูตรขนมขัดฟันสุนัขที่ทีมวิจัยพัฒนามาต่อยอดจนได้ผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดและรูปทรงที่หลากหลายทำให้น่าสนใจมากขึ้น

ติดต่อสอบถามข้อมูล:
คุณชนิต วานิกานุกูล
งานประสานธุรกิจและอุตสาหกรรม ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
โทรศัพท์ 0 2564 6500 ต่อ 4788
อีเมล: chanitw@mtec.or.th

สนใจอบรมเชิงปฏิบัติการ: ความรู้พื้นฐานและความรู้เชิงลึกด้านศาสตร์การไหล (Rheology) สมบัติเชิงกล และไตรโบโลยีของอาหาร ทีมวิจัยวัสดุศาสตร์อาหาร ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ “รีโอโลยีของอาหารเชิงปฏิบัติ (Practical Food Rheology)” ในวันที่ 1-2 กันยายน 2568 (รับจำนวน 20 ท่าน) สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ คุณบุญรักษ์ กาญจนวรวณิชย์ งานพัฒนากำลังคนเทคโนโลยีวัสดุ โทรศัพท์ 0 2564 6500 ต่อ 4675 อีเมล: boonrkk@mtec.or.th หรือ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่

The post ขนมขัดฟันสุนัขเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
ไบโอชาร์ช่วยปรับปรุงดินได้อย่างไร? https://www.mtec.or.th/soil-improver/ Wed, 16 Jul 2025 08:05:26 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=39176 สารปรับปรุงดิน (Soil improver) เป็นวัสดุหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ปรับปรุงสมบัติทางกายภาพ เคมี หรือชีวภาพของดินให้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของดินในการเพาะปลูกและการเจริญเติบโตของพืช

The post ไบโอชาร์ช่วยปรับปรุงดินได้อย่างไร? appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

ไบโอชาร์ช่วยปรับปรุงดินได้อย่างไร?

เรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้ ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

สารปรับปรุงดิน (Soil improver) เป็นวัสดุหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ปรับปรุงสมบัติทางกายภาพ เคมี หรือชีวภาพของดินให้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของดินในการเพาะปลูกและการเจริญเติบโตของพืช สารปรับปรุงดินอาจอยู่ในรูปของสารอนินทรีย์ เช่น แร่ธรรมชาติ วัสดุปูนไลม์ หรือยิปซัม รวมถึงสารอินทรีย์จากธรรมชาติ เช่น เศษซากพืช ขุยมะพร้าว หรือกากอ้อย

ทั้งนี้ สารปรับปรุงดินอาจมีการผสมผสานระหว่างสารอนินทรีย์และสารอินทรีย์ เพื่อเสริมคุณค่าหรือประสิทธิภาพในการใช้ประโยชน์ให้เหมาะสมกับสภาพดินและความต้องการในการเพาะปลูก

ไบโอชาร์มีคุณสมบัติในการปรับปรุงดินทั้งทางกายภาพ เคมี และชีวภาพ ทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถในการอุ้มน้ำและกักเก็บธาตุอาหาร ปรับปรุงโครงสร้างของดิน เพิ่มพื้นที่ผิวและรูพรุนสำหรับการดูดซับสารอาหาร รวมถึงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและกระตุ้นกิจกรรมของจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อดิน ซึ่งล้วนส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินในระยะยาว

ไบโอชาร์ยังมีสมบัติเป็นด่าง จึงช่วยลดความเป็นกรดของดิน อีกทั้งยังส่งเสริมการแลกเปลี่ยนประจุบวกในดิน ทำให้เกิดการดูดยึดธาตุอาหารที่อยู่ในรูปของประจุบวก เช่น ไนโตรเจน โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม และแมกนีเซียม ส่งผลให้ธาตุอาหารเหล่านี้มีปริมาณเพิ่มขึ้นในดิน ขณะเดียวกันก็ช่วยลดการสะสมของไนเตรตในพืช ส่งผลดีต่อความปลอดภัยในการบริโภค

โดยทั่วไป ไบโอชาร์มักนำไปใช้งานร่วมกับปุ๋ย หรือธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของพืชแต่ละชนิด และลดการใช้ปุ๋ย ตัวอย่างเช่น การใช้ไบโอชาร์ร่วมกับปุ๋ยไนโตรเจน จะช่วยเพิ่มผลผลิตของข้าวโพดได้อย่างมีนัยสำคัญในทางสถิติ เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้เนื่องจากไบโอชาร์มีสมบัติในการดูดยึดและปลดปล่อยธาตุอาหารอย่างช้า ๆ ทำให้ธาตุอาหารมีความคงตัวในดิน ทำให้พืชนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากใช้ไบโอชาร์ร่วมกับปุ๋ยที่มีธาตุอาหารหลักแล้ว ทีมวิจัยยังมีแนวคิดสร้างนวัตกรรมใหม่โดยการผสมไบโอชาร์กับสารคีเลตจุลธาตุอาหาร (chelated micronutrients) ซึ่งเป็นธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริมที่จำเป็นต่อพืช เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก หรือแมงกานีส ซึ่งจะถูกจับกับสารอินทรีย์เพื่อช่วยให้พืชดูดซึมได้ง่าย ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้เกิดการปลดปล่อยธาตุอาหารอย่างช้าๆ ต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมของพืช และเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อใช้กับสภาพดินที่มีปัญหา เช่น ดินด่าง หรือ ดินที่มีปริมาณธาตุอาหารต่ำ

เอ็มเทคและหน่วยงานพันธมิตร มุ่งดำเนินการวิจัยและพัฒนา และผลักดันการใช้ประโยชน์ไบโอชาร์ในประเทศ ครอบคลุมการใช้ประโยชน์ในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะภาคการเกษตร เพื่อให้ผู้บริโภคไทยได้ใช้ผลิตภัณฑ์ไบโอชาร์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและความปลอดภัย

ติดต่อสอบถามข้อมูล:
ทีมวิจัยซีเมนต์และวัสดุคอมพอสิตเพื่อความยั่งยืน
ดร.สิทธิศักดิ์ ประสานพันธ์
โทรศัพท์ 0-2564-6500 ต่อ 4259
อีเมล์: sitthisp@mtec.or.th

ทีมวิจัยเกษตรนาโนขั้นสูง
ดร.คมสันต์ สุทธิสินทอง
โทรศัพท์ 0-2564-7100 ต่อ 6613
อีเมล์: khomson@nanotec.or.th

The post ไบโอชาร์ช่วยปรับปรุงดินได้อย่างไร? appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
Smart Wardrobe Purifier: ตู้เสื้อผ้าฟอกอากาศอัจฉริยะด้วยระบบ Autoflow puriTech https://www.mtec.or.th/smart-wardrobe-purifier/ Wed, 09 Jul 2025 05:15:04 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=39106 เชื้อราในตู้เสื้อผ้า! ปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจ เพราะไม่เพียงทำให้เสื้อผ้าและของใช้ภายในตู้เสียหาย แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพอีกด้วย

The post Smart Wardrobe Purifier: ตู้เสื้อผ้าฟอกอากาศอัจฉริยะด้วยระบบ Autoflow puriTech appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

Smart Wardrobe Purifier: ตู้เสื้อผ้าฟอกอากาศอัจฉริยะด้วยระบบ Autoflow puriTech

เรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้ ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

เชื้อราในตู้เสื้อผ้า! ปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจ เพราะไม่เพียงทำให้เสื้อผ้าและของใช้ภายในตู้เสียหาย แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพอีกด้วย

ทีมวิจัยการออกแบบเพื่อการเป็นอยู่ที่ดี ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. ร่วมกับบริษัท SB Design Square ได้พัฒนาตู้เสื้อผ้าฟอกอากาศอัจฉริยะ หรือ Smart Wardrobe Purifier ที่สามารถป้องกันการเกิดเชื้อราได้

การเกิดเชื้อราในตู้เสื้อผ้ามีปัจจัยที่เกี่ยวข้องคือ สปอร์ราที่ปลิวในอากาศ ซึ่งเมื่อสัมผัสบนพื้นผิววัสดุ เช่น พื้นผิวตู้ไม้ ที่มีอุณหภูมิและความชื้นเหมาะสม ก็จะเจริญเติบโตโดยสร้างเส้นใย (hyphae)

ทีมวิจัยเอ็มเทคจึงออกแบบระบบระบายอากาศและฟอกอากาศอัจฉริยะ (smart air ventilation purifier) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการดักจับอนุภาคหรือเชื้อจุลินทรีย์ที่มีขนาดเล็กถึง 0.1 ไมครอน เช่น ฝุ่น รา ยีสต์ และแบคทีเรีย ระบบควบคุมคุณภาพเชื้อจุลินทรีย์ในอากาศแบบอัตโนมัติสามารถควบคุมระดับเชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่ในอากาศภายในตู้อยู่ให้อยู่ในช่วงค่ามาตรฐาน IMA (The Index of Microbial Air Contamination) ระดับดีมาก การออกแบบยังทำให้ระบบนี้นำไปบิลต์อินเข้ากับตู้ของบริษัท SB Design Square ทั้ง 14 แบบได้อย่างลงตัว

การทำงานของระบบระบายอากาศและฟอกอากาศอัจฉริยะจะตอบสนองตามสภาวะแวดล้อมได้อัตโนมัติ (adaptive air circulation control) รองรับการควบคุมระบบการทำงานทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ กล่าวคือ ระบบจะควบคุมคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ โดยสุ่มตรวจอากาศเป็นระยะ เมื่อตรวจพบว่ามีสิ่งปนเปื้อนในปริมาณมาก ระบบก็จะสั่งให้พัดลมทำงานด้วยความเร็วรอบสูงเพื่อดึงอากาศเข้าระบบและกรองสิ่งสกปรกออก แต่เมื่อคุณภาพอากาศดีขึ้น ระบบก็จะสั่งให้พัดลมทำงานด้วยความเร็วรอบต่ำ หรืออาจปิดระบบเพื่อประหยัดพลังงาน

การทำงานของระบบแบบออนไลน์ยังมีฟังก์ชันที่มากกว่าแบบออฟไลน์ เนื่องจากผู้ใช้สามารถดึงข้อมูลสถานะต่างๆ ผ่าน Line OA เช่น อุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ ปริมาณเชื้อราในตู้ และระยะเวลาในการแจ้งเตือนการเปลี่ยนแผ่นกรองครั้งถัดไป รวมถึงสามารถสั่งระบบให้ทำงานเมื่อใดก็ได้ตามที่ต้องการอีกด้วย

นอกจากนี้ ระบบยังได้รับการออกแบบให้มีระดับเสียงการทำงานที่ต่ำกว่าค่าที่มาตรฐานกำหนด และสามารถแจ้งเตือนการเปลี่ยนแผ่นกรองเมื่อใช้งานไปราว 1 ปี โดยผู้ใช้สามารถเปลี่ยนเอง หรือแจ้งบริษัทฯ มาเปลี่ยนให้ก็ได้

ปัจจุบันนวัตกรรมตู้เสื้อผ้าฟอกอากาศอัจฉริยะนี้ได้เปิดตัวสู่ตลาดเรียบร้อยแล้ว ระบบนี้ยังสามารถต่อยอดเพื่อใช้กับตู้เสื้อผ้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือปรับให้เหมาะตามความต้องการของผู้ใช้ได้อีกด้วย

ติดต่อสอบถามข้อมูล:
งานประสานธุรกิจและอุตสาหกรรม ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
คุณสุนทรีย์ โฆษิตชัยยงค์
โทรศัพท์ 0-2564-6500 ต่อ 4783
อีเมล: soontaree.kos@mtec.or.th
หรือ บริษัท SB Design Square เว็บไซต์: https://www.sbdesignsquare.com/blog/smart-wardrobe-purifier

The post Smart Wardrobe Purifier: ตู้เสื้อผ้าฟอกอากาศอัจฉริยะด้วยระบบ Autoflow puriTech appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
ProX ถุงมือยางธรรมชาติ “ปราศจากโปรตีนก่อภูมิแพ้” ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยเพื่ออนาคต https://www.mtec.or.th/prox/ Thu, 03 Jul 2025 04:52:40 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=38984 การใช้งานถุงมือยางในด้านการแพทย์และในภาคอุตสาหกรรมอาหารมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงมือยางธรรมชาติรายใหญ่ของโลกมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในห่วงโซ่อุปทานโลก

The post ProX ถุงมือยางธรรมชาติ “ปราศจากโปรตีนก่อภูมิแพ้” ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยเพื่ออนาคต appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

ProX ถุงมือยางธรรมชาติ “ปราศจากโปรตีนก่อภูมิแพ้” ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยเพื่ออนาคต

เรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้ ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

การใช้งานถุงมือยางในด้านการแพทย์และในภาคอุตสาหกรรมอาหารมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงมือยางธรรมชาติรายใหญ่ของโลกมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในห่วงโซ่อุปทานโลก

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางกระแสความสนใจในสุขภาพและความปลอดภัย พบว่าถุงมือยางธรรมชาติซึ่งมีจุดแข็งในด้านความยืดหยุ่นและความสบายในการใช้งาน อาจทำให้ผู้ใช้จำนวนหนึ่งเกิดอาการแพ้ต่อโปรตีนธรรมชาติที่ตกค้างอยู่ในเนื้อยางได้

แม้อุบัติการณ์ของอาการแพ้จะพบไม่บ่อยนัก และอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยางมีการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดอยู่แล้วก็ตาม แต่นวัตกรรมเพื่อยกระดับความปลอดภัยก็ยังคงมีความสำคัญ

ทีมวิจัยน้ำยางและวัสดุยาง เอ็มเทค สวทช. ได้พัฒนา ProX ถุงมือยางธรรมชาติที่ลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้ต่อโปรตีนธรรมชาติ แต่ยังคงความยืดหยุ่นและความทนทานของถุงมือยางธรรมชาติไว้อย่างครบถ้วน

ทีมวิจัยใช้ปฏิกิริยาเมลลาร์ด (Maillard Reaction) ซึ่งเป็นเทคนิคทางวิทยาศาสตร์ที่เปลี่ยนโครงสร้างของโปรตีนในน้ำยางให้กลายเป็นโมเลกุลที่ไม่กระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้ปริมาณโปรตีนก่อภูมิแพ้ลดลงอย่างชัดเจน

ผลการทดสอบในระดับห้องปฏิบัติการแสดงให้เห็นว่า ProX มีค่าปริมาณโปรตีนที่สกัดได้ (extractable protein) ต่ำกว่า 10 ไมโครกรัมต่อกรัม และไม่ตรวจพบโปรตีนที่ก่อภูมิแพ้ ซึ่งถือเป็นระดับความปลอดภัยสูงมากเมื่อเทียบกับถุงมือทั่วไป อีกทั้งยังสามารถผลิตได้ในสายการผลิตที่มีอยู่แล้วทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์

ProX นับเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมถุงมือยางธรรมชาติของไทยให้ตอบโจทย์ประเทศและกลุ่มประเทศที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง เช่น สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป โดยไม่เพิ่มภาระต่อสิ่งแวดล้อมหรือกระบวนการผลิตมากนัก และยังเปิดโอกาสขยายตลาดด้วยภาพลักษณ์ที่ดีในด้านนวัตกรรมและความปลอดภัยอีกทางหนึ่งด้วย

ติดต่อสอบถามข้อมูล:
งานประสานธุรกิจและอุตสาหกรรม
คุณเนตรชนก ปิยฤทธิพงศ์ (นักวิเคราะห์)
โทรศัพท์ 0-2564-6500 ต่อ 4301
อีเมล:  netchanp@mtec.or.th

The post ProX ถุงมือยางธรรมชาติ “ปราศจากโปรตีนก่อภูมิแพ้” ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยเพื่ออนาคต appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>