Uncategorised Archives - MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ https://www.mtec.or.th/category/uncategorised/ National Metal and Materials Technology Center Wed, 14 Aug 2024 02:18:05 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.3 https://www.mtec.or.th/wp-content/uploads/2019/03/favicon.ico Uncategorised Archives - MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ https://www.mtec.or.th/category/uncategorised/ 32 32 โรงอบยางแผ่นประสิทธิภาพสูง https://www.mtec.or.th/2013-05-29-09-42-08-2013-05-29-09-43-24-6278-%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%b4%e0%b8%8d%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%a1%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%8a%e0%b8%b8%e0%b8%a1/ Fri, 21 Jun 2024 02:52:59 +0000 http://10.228.23.44:38014/?p=16300 โรงอบยางแผ่นประสิทธิภาพสูง จุดเด่นของผลิตภัณฑ์:โรงอบยางแผ่นประสิทธิภาพสูงด้วยพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับอบแห้งยางแผ่นได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วขึ้น และสามารถทำงานร่วมกับเครื่องจับตัวน้ำยางกึ่งอัตโนมัติเพื่อผลิตยางแผ่น ซึ่งตอบสนองความต้องการของกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์ยางพาราที่ผลิตยางแผ่น และช่วยลดปัญหาที่พบ เช่น ความแห้งของยางแผ่นดิบ เชื้อราที่เกิดขึ้นบนแผ่นยาง และระยะเวลาที่ใช้ในการอบแห้งนาน โอกาสทางการตลาด:ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางธรรมชาติมากเป็นอันดับหนึ่งของโลกคิดเป็นร้อยละ 40 ของปริมาณการส่งออกยางทั้งหมดและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี แม้ว่ายางพาราจะเป็นที่ต้องการของตลาด ... Read more

The post โรงอบยางแผ่นประสิทธิภาพสูง appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

โรงอบยางแผ่นประสิทธิภาพสูง

The post โรงอบยางแผ่นประสิทธิภาพสูง appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
Thailand Corrosion and Prevention Conference 2015 https://www.mtec.or.th/tcpc2015/ Fri, 21 Jun 2024 02:50:33 +0000 http://10.228.23.44:38014/?p=16294 ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับสมาคมเซรามิกส์ไทย ภาควิชาวัสดุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดประชุมวิชาการด้านเทคโนโลยีเซรามิกส์ ในงาน ASEAN Ceramics 2019

The post Thailand Corrosion and Prevention Conference 2015 appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

3D Soleⓜ

The post Thailand Corrosion and Prevention Conference 2015 appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
The 13th International Symposium on East Asian Resources Recycling Technology (EARTH 2015) https://www.mtec.or.th/earth2015/ Fri, 21 Jun 2024 02:42:45 +0000 http://10.228.23.44:38014/?p=16272 ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับสมาคมเซรามิกส์ไทย ภาควิชาวัสดุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดประชุมวิชาการด้านเทคโนโลยีเซรามิกส์ ในงาน ASEAN Ceramics 2019

The post The 13th International Symposium on East Asian Resources Recycling Technology (EARTH 2015) appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

3D Soleⓜ

The post The 13th International Symposium on East Asian Resources Recycling Technology (EARTH 2015) appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
เอ็มเทค ร่วมจัดประชุมวิชาการด้านเซรามิกส์ ICTA2019 ในงาน ASEAN Ceramic 2019 https://www.mtec.or.th/news-event-32258/ Fri, 21 Jun 2024 02:23:56 +0000 http://10.228.23.44:38014/?p=16233 ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับสมาคมเซรามิกส์ไทย ภาควิชาวัสดุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดประชุมวิชาการด้านเทคโนโลยีเซรามิกส์ ในงาน ASEAN Ceramics 2019

The post เอ็มเทค ร่วมจัดประชุมวิชาการด้านเซรามิกส์ ICTA2019 ในงาน ASEAN Ceramic 2019 appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

เอ็มเทค สวทช. ร่วมภาครัฐ-เอกชน ยกระดับอุตสาหกรรมระบบรางไทย

The post เอ็มเทค ร่วมจัดประชุมวิชาการด้านเซรามิกส์ ICTA2019 ในงาน ASEAN Ceramic 2019 appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
เอ็มเทค สวทช. ร่วมภาครัฐ-เอกชน ยกระดับอุตสาหกรรมระบบรางไทย https://www.mtec.or.th/news-event-35232/ Thu, 06 Jun 2024 09:02:51 +0000 http://10.228.23.44:38014/?p=14632 ดร.จุลเทพ ขจรไชยกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ(เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นตัวแทนร่วมลงนาม ‘พันธมิตรภาครัฐ-เอกชน

The post เอ็มเทค สวทช. ร่วมภาครัฐ-เอกชน ยกระดับอุตสาหกรรมระบบรางไทย appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

เอ็มเทค สวทช. ร่วมภาครัฐ-เอกชน ยกระดับอุตสาหกรรมระบบรางไทย

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 กรุงเทพมหานคร-กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

ดร.จุลเทพ ขจรไชยกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ(เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นตัวแทนร่วมลงนาม ‘พันธมิตรภาครัฐ-เอกชน ยกระดับอุตสาหกรรมระบบรางไทย’ บูรณาการความร่วมมือพันธมิตรระบบรางภาครัฐ/สถาบันการศึกษา รวม 15 หน่วยงาน สร้างสรรค์อุตสาหกรรมระบบรางไทย ครอบคลุมด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยี วิจัยและพัฒนา มาตรฐานระบบราง อุตสาหกรรมระบบราง ทดสอบและการทดลอง พัฒนาทรัพยากรบุคคล หวังช่วยเสริมประสิทธิภาพระบบขนส่งทางรางและความปลอดภัยในการให้บริการเดินรถไฟ ยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ระบบรางให้เป็นไปตามมาตรฐานระบบรางของประเทศและมาตรฐานสากล ช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านการทดสอบวิเคราะห์ด้านระบบราง สนับสนุนการผลิตชิ้นส่วนในประเทศ (Local Content) ทดแทนการนำเข้า สนับสนุนการผลิตบุคลากรและผู้เชี่ยวชาญวิจัยด้านระบบราง ตลอดจนวิจัยและพัฒนาแก้โจทย์ปัญหาด้านระบบรางของประเทศ สร้างความยั่งยืนให้ระบบรางของไทย

การลงนามความร่วมมือในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 ได้รับเกียรติจาก ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. และ นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำคมนาคม ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนาม โดยมี ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. และ นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง 13 หน่วยงาน ประกอบด้วย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กรมวิทยาศาสตร์บริการ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมลงนามอย่างเป็นทางการ

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า อว. ให้ความสำคัญกับนโยบายสร้างคน สร้างองค์ความรู้ สร้างนวัตกรรมด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เพื่อตอบโจทย์ประเทศ โดย อว. พร้อมนำองค์ความรู้สนับสนุนงานในอุตสาหกรรมรางไทยให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาเทคโนโลยีด้านระบบราง ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าเทคโนโลยีต่างชาติ ดังนั้นการนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาช่วยเสริมความแข็งแกร่ง จะเป็นการต่อยอดให้เกิดอุตสาหกรรมรางในประเทศไทยขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้ จำเป็นต้องเร่งผลักดันให้เกิดการผลิตชิ้นส่วนระบบราง หรือ local content ซึ่งให้สัมฤทธิ์ผลต้องอาศัยการร่วมทำงานแบบสอดประสานโดยมีเป้าหมายร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา ภาคเอกชน รวมทั้งประชาสังคมในชุมชนที่เกี่ยวข้องมีลักษณะแบบสี่ประสาน (Quadruple Helix) โดยอาศัยการประสานจุดแข็งของหน่วยงานแต่ละประเภท อาทิ องค์ความรู้ต่อยอดการวิจัยพัฒนา (research & development) และการพัฒนาทักษะกำลังคน (manpower) ของภาคการศึกษา ความพร้อมในการสนับสนุนทางโครงสร้างพื้นฐานคุณภาพทางระบบราง (National Quality Infrastructure: NQI) และการแบ่งปันทรัพยากร (infrastructure sharing) ของหน่วยงานรัฐ พื้นฐานที่แข็งแกร่งและความพร้อมในการลงทุนและการผลิตของหน่วยเอกชน รวมถึงการมีส่วนร่วมในการสนับสนุนของชุมชนในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและการใช้บริการรถไฟ

นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำคมนาคม กล่าวว่า จากแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) กำหนดเป้าหมายการพัฒนาระยะยาวให้มีความยั่งยืน และมั่นคง รวมทั้งการสร้างความสามารถในการแข่งขัน และเสริมศักยภาพคนให้มีคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในขณะที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบคมนาคมขนส่งของไทยตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทยระยะ 20 ปี เน้นการเชื่อมต่อการคมนาคมขนส่งทั้งในประเทศและในภูมิภาค เพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคง การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทำให้อุตสาหกรรมรางในประเทศและในภูมิภาคขยายตัวอย่างรวดเร็ว ระบบรางของประเทศจะยั่งยืนได้นั้นต้องอาศัยรากฐานของอุตสาหกรรมรางในประเทศที่เข้มแข็ง ในขณะที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรางไทยยังมีน้อยรายและมีความสามารถในการแข่งขันในระดับต่ำ นโยบายส่งเสริมการผลิตชิ้นส่วนระบบรางในประเทศ (local content) ในสัดส่วนที่เหมาะสมต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมรางในประเทศอย่างยั่งยืนจึงเป็นปัจจัยแรกเริ่มที่สำคัญต่อความมั่นคงของระบบรางไทยในอนาคต

จากรายงานการศึกษาแนวทางพัฒนาอุตสาหกรรมรางระยะที่ 2 พบว่า การใช้ local content ในประเทศในสัดส่วน 40% สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศได้มากกว่า 7,000 ล้านบาท การประกอบรถไฟขั้นสุดท้ายในประเทศสามารถทำให้ซื้อรถไฟในราคาถูกลงมากกว่า 2,800 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานมากกว่า 2,000 ล้านบาท และยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ด้านระบบราง ในระยะยาว local content จะส่งผลอย่างสำคัญต่อการลดภาระประเทศในการพึ่งพาหรือนำเข้าเทคโนโลยีต่างชาติในช่วงเดินรถและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance : O&M) ในระยะยาว ซึ่งภาระค่า O&M มักสูงกว่ามูลค่าการก่อสร้างเริ่มต้นหลายเท่าตัว เช่น การส่งเสริมการบำรุงรักษารถไฟได้เองในประเทศจะสามารถลดภาระจ้างผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศได้ไม่น้อยกว่า 1,700 ล้านบาทต่อปี เป็นต้น

ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. ชี้แจงว่า จากความสำคัญดังกล่าว สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) จึงร่วมกับ กรมการขนส่งทางราง (ขร.) บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานรวมทั้งสิ้น 15 หน่วยงาน ร่วมแสดงพลังในการเป็นพันธมิตรสนับสนุนนโยบาย local content ระบบราง โดยหน่วยงานภาครัฐร่วมกันส่งเสริมภาคเอกชนทั้งด้านมาตรฐาน ข้อบังคับ การทดสอบ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และส่งเสริมการผลิตบุคลากรสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมระบบราง ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการส่งเสริมการผลิต local content ระบบราง ผ่านการสร้างเครือข่ายความร่วมมือแบบ 4 ฝ่าย (Quadruple Helix) ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา และประชาสังคม การร่วมมือกันของหน่วยงานภาครัฐในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือแบบ 4 ฝ่าย ในระยะต่อไป ขยายผลสร้างผลกระทบต่อเนื่องให้แก่อุตสาหกรรมรางในประเทศให้ก้าวไปสู่การเป็นฐานการผลิตรถไฟในภูมิภาคที่มีศักยภาพสูงสามารถผลิตชิ้นส่วนระบบรางทดแทนลดการนำเข้ารถไฟได้ทุกระบบรวมทั้งเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงในอนาคต

“…ความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการพัฒนาระบบการขนส่งทางรางของประเทศ โดยทั้งสิบห้าหน่วยงาน มีเจตนารมณ์ร่วมกัน ที่จะร่วมมือทางวิชาการ จัดทำมาตรฐาน พัฒนาความสามารถห้องปฏิบัติการในประเทศ สนับสนุน ส่งเสริมผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ พัฒนาบุคลากร รวมไปถึงการพัฒนาด้านการวิจัย และสร้างเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาทางด้านระบบรางของประเทศ ผลักดันการพัฒนาทางด้านระบบรางของประเทศประสบความสำเร็จต่อไป..” ผู้ว่าการ วว. สรุปในตอนท้า

The post เอ็มเทค สวทช. ร่วมภาครัฐ-เอกชน ยกระดับอุตสาหกรรมระบบรางไทย appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
สัมภาษณ์ ดร.วิชชุดา เดาด์ เอ็มเทคกับบทบาทด้านการจัดการขยะพลาสติกอย่างยั่งยืนด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน https://www.mtec.or.th/bcg-economy-internview-dr-witchuda-daud-2/ Thu, 06 Jun 2024 06:30:47 +0000 http://10.228.23.44:38014/?p=14496 สัมภาษณ์ ดร.วิชชุดา เดาด์ เอ็มเทคกับบทบาทด้านการจัดการขยะพลาสติกอย่างยั่งยืนด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน จำนวนประชากรโลกที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้มีการใช้ทรัพยากรมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ขยะและมลพิษทางสิ่งแวดล้อมก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย หากมนุษย์ยังคงดำเนินวิถีชีวิตด้วยเศรษฐกิจแบบเส้นตรง (linear economy) คือนำทรัพยากรมาผลิต บริโภค และทิ้ง โลกก็จะมีขยะเพิ่มขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ... Read more

The post สัมภาษณ์ ดร.วิชชุดา เดาด์ เอ็มเทคกับบทบาทด้านการจัดการขยะพลาสติกอย่างยั่งยืนด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

สัมภาษณ์ ดร.วิชชุดา เดาด์ เอ็มเทคกับบทบาทด้านการจัดการขยะพลาสติกอย่างยั่งยืนด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน

จำนวนประชากรโลกที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้มีการใช้ทรัพยากรมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ขยะและมลพิษทางสิ่งแวดล้อมก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย หากมนุษย์ยังคงดำเนินวิถีชีวิตด้วยเศรษฐกิจแบบเส้นตรง (linear economy) คือนำทรัพยากรมาผลิต บริโภค และทิ้ง โลกก็จะมีขยะเพิ่มขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว จึงมีการนำแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) มาใช้ กล่าวคือพยายามใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ นำ ‘ของเหลือทิ้ง (waste)’ จากกระบวนการหนึ่งไปใช้เป็น ‘วัตถุดิบ (feedstock)’ ของอีกกระบวนการหนึ่ง เพื่อลดปริมาณของเสียและมลพิษที่เกิดขึ้น มีการตั้งเป้าหมายในการจัดการของเสียผ่านการออกแบบวัสดุ ผลิตภัณฑ์ ระบบ และโมเดลธุรกิจที่ดีกว่าเดิม อันจะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

ในกรณีของปัญหาขยะพลาสติก รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญอย่างสูง จึงมีข้อสั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับทุกภาคส่วนเร่งดำเนินการป้องกันและแก้ไขขยะพลาสติกแบบบูรณาการ ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ในการบริหารจัดการพลาสติกตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต การจำหน่าย การบริโภค และการจัดการปลายทางเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการการบริหารจัดการขยะพลาสติกภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยมีปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธาน และมีตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ร่วมเป็นคณะอนุกรรมการ หนึ่งในคณะอนุกรรมการคือ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือผู้แทน

คณะอนุกรรมการการบริหารจัดการขยะพลาสติกได้แต่งตั้งคณะทำงานสนับสนุนการบริหารจัดการขยะพลาสติก 3 คณะ ได้แก่ 1) คณะทำงานด้านการพัฒนากลไกการจัดการพลาสติก 2) คณะทำงานด้านการส่งเสริมและรณรงค์ประชาสัมพันธ์ และ 3) คณะทำงานด้านการพัฒนาและใช้ประโยชน์ขยะพลาสติก โดยมีตัวแทนจากภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน ทั้งนี้ สวทช. ได้แต่งตั้ง ดร.นุจรินทร์ รามัญกุล ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม เป็นผู้แทนหลัก และ ดร.วิชชุดา เดาด์ หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีพลาสติก เป็นผู้แทนสำรองร่วมในคณะทำงานด้านการพัฒนาและใช้ประโยชน์ขยะพลาสติก

“เศรษฐกิจหมุนเวียนไม่ได้หมายถึงเราต้องลดความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตลง เพียงแต่ต้องคิดถึงการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่ามากขึ้น โดยเพิ่มมูลค่าของขยะ ลดปริมาณขยะที่ไม่มีมูลค่าลง วิธีการที่ดีที่สุดคือเริ่มจากการคัดแยกขยะให้ถูกต้อง”

ดร.วิชชุดา เดาด์ หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีพลาสติก

ภาพโดย: กฤษณ คูหาจิต

ดร.วิชชุดา เล่าถึงบทบาทของคณะทำงานว่า “ตัวแทนจาก สวทช. อยู่ในคณะทำงานด้านการพัฒนาและใช้ประโยชน์ขยะพลาสติกทำหน้าที่ในการพัฒนารูปแบบการนำพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน เสนอแนวทางการทำฐานข้อมูลขยะพลาสติกในประเทศไทยตามแนวคิด material flow analysis รวมถึงสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกในกระบวนการผลิตและส่งเสริมอุตสาหกรรมรีไซเคิลให้มีการดำเนินงานได้มาตรฐาน นอกจากนี้ ยังให้ข้อมูลทางวิชาการ เช่น คำจำกัดความ หรือหน้าที่ของสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับพลาสติก แก่คณะทำงานเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการทำ Roadmap อีกด้วย”

“ในการจัดทำฐานข้อมูลขยะพลาสติก คณะทำงานได้ศึกษาสถานการณ์ของขยะพลาสติกในประเทศ โดยใช้แนวคิด material flow analysis เพื่อดูเส้นทางของพลาสติกว่าเป็นอย่างไร โดยคิดจากปริมาณเม็ดพลาสติกที่ผลิตในประเทศรวมกับเม็ดพลาสติกที่นำเข้าเพื่อนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ภายในประเทศว่ามีปริมาณเท่าไหร่ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้แบ่งเป็นหลายประเภท แต่ละประเภทเมื่อใช้งานแล้ว นำกลับมาใช้ประโยชน์ ฝังกลบ หรือปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมคิดเป็นปริมาณเท่าไหร่”

“เมื่อได้ข้อมูลดังกล่าวข้างต้น คณะทำงานจะนำมาตรการต่างๆ มาใช้แก้ปัญหา และวัดประสิทธิผลของการดำเนินกิจกรรมตามที่ได้กำหนดเป้าหมายไว้ 2 เรื่อง คือ 1) ลดและเลิกใช้พลาสติกบางประเภทตามกรอบเวลา ได้แก่ ภายในปี 2562 เลิกใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ผสมสารอ็อกโซ[1] และไมโครบีด[2] ส่วนภายในปี 2565 เลิกใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วที่มีความหนาน้อยกว่า 36 ไมโครเมตร กล่องโฟมบรรจุอาหาร หลอดพลาสติก และแก้วพลาสติกชนิดบางแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และ 2) ภายในปี 2570 จะนำพลาสติกเป้าหมายกลับมาใช้ประโยชน์ให้ได้ 100%”

คณะทำงานทั้ง 3 คณะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด รวมถึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากภาครัฐและเอกชนเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม

ดร.วิชชุดาเล่าว่า“คณะทำงานด้านการพัฒนากลไกการจัดการพลาสติกได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัทผู้ผลิตน้ำดื่ม ให้เลิกใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดในการผลิต สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ออกประกาศห้ามผลิต นำเข้า และจำหน่ายเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของไมโครบีด สำนักมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ประกาศห้ามนำเข้า ผลิต และจำหน่ายสารอ็อกโซ และร่วมกับห้างร้านให้งดแจกถุงในบางวัน หรือมีคะแนนสะสมพิเศษสำหรับลูกค้าที่นำถุงมาเอง เป็นต้น ส่วนคณะทำงานด้านการส่งเสริมและรณรงค์ประชาสัมพันธ์ก็ประชาสัมพันธ์โดยเริ่มจากรณรงค์ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง”

ส่วนการทำงานของคณะทำงานด้านการพัฒนาและใช้ประโยชน์ขยะพลาสติก ดร.วิชชุดา เล่าว่า “เนื่องจากคณะทำงานชุดนี้มีตัวแทนจากภาคเอกชนเข้าร่วมหลายบริษัท เช่น บริษัท ดาว ประเทศไทย และบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนที่ดี เนื่องจากบริษัทเหล่านี้สนับสนุนการดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนอยู่แล้วจึงทุ่มเทค่อนข้างมาก”

ดร.วิชชุดา อธิบายเพิ่มเติมว่า “บริษัท ดาว ประเทศไทยมีองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการอัปไซเคิล และการรีไซเคิล ที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับขยะพลาสติกโดยเปลี่ยนเป็นพลังงาน หรือเปลี่ยนเป็นวัตถุดิบ ในส่วนบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด สนใจบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดหลายชั้น ซึ่งมีความยุ่งยากในการนำไปรีไซเคิล บริษัทฯ จึงพยายามพัฒนาวิธีการนำพลาสติกมูลค่าต่ำเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ ทั้งสองบริษัทจึงร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีที่นำขยะพลาสติกนี้มาเป็นส่วนผสมในถนนยางมะตอยและลานจอดรถที่นิคมอุตสาหกรรม เมืองอมตะซิตี้ชลบุรี”

การจัดการขยะพลาสติกให้เกิดความยั่งยืนตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนจะต้องนำพลาสติกกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตเพื่อเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ดังนั้นกระบวนการคัดแยกขยะถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญ ดร.วิชชุดา กล่าวว่า “แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนแตกต่างจากเศรษฐกิจแบบเส้นตรงในแง่ที่ว่าทำให้ขยะมีมูลค่า ดังนั้น การที่ขยะจะมีมูลค่าสูงได้ต้องเริ่มตั้งแต่การคัดแยกขยะที่ถูกต้อง เพราะขยะที่เกิดขึ้นจากกระบวนการแรกจะถูกนำไปใช้ในกระบวนการที่ 2 และต่อเนื่องไปไม่สิ้นสุด ซึ่งหากทำในระดับประเทศจะเป็นภาพใหญ่ โอกาสสำเร็จมีน้อย ดังนั้นจึงเริ่มจากพื้นที่นำร่อง เช่น โมเดลเมือง ที่เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร และโมเดลจังหวัด ที่ระยอง โดยเอกชนเข้าไปให้ความรู้และสร้างแรงจูงใจในเรื่องของการเก็บและคัดแยกขยะ ทำให้คนในชุมชนช่วยกันเก็บขยะไปขายและมีรายได้กลับมา”

“การทำโมเดลนี้ช่วยให้เราสามารถร่างข้อเสนอโครงการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเพื่อของบประมาณจากต่างประเทศ อีกทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและการยอมรับในเวทีโลก เพราะเศรษฐกิจหมุนเวียนเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals, SDGs)[3] ขององค์การสหประชาชาติ” ดร.วิชชุดา กล่าวเสริม

[1] สารอ็อกโซ (oxo) คือสารเติมแต่งที่ใช้ผสมในพลาสติกแล้วทำให้เกิดการแตกตัว ซึ่งในช่วงแรกเข้าใจว่าช่วยให้พลาสติกสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ แต่แท้จริงแล้ว สารนี้ทำให้พลาสติกแตกเป็นชิ้นเล็ก ซึ่งกลายเป็นไมโครพลาสติกหรือนาโนพลาสติกที่เป็นมลพิษทางสิ่งแวดล้อม

[2] ไมโครบีด (Microbead) คือเม็ดพลาสติกขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร ผลิตจากปิโตรเคมี มักใช้ผสมในเครื่องสำอาง ยาสีฟัน และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด

[3] เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals, SDGs) มี 17 ข้อ ได้แก่ 1 ) ขจัดความยากจน 2) ขจัดความหิวโหย 3) การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี 4) การศึกษาที่เท่าเทียม 5) ความเท่าเทียมทางเพศ 6) การจัดการน้ำและสุขาภิบาล 7) พลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้ 8) การจ้างงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ 9) อุตสาหกรรม นวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐาน 10) ลดความเหลื่อมล้ำ 11) เมืองและถิ่นฐานมนุษย์อย่างยั่งยืน 12) แผนการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน 13) การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 14) การใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรและทรัพยากรทางทะเล 15) การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางบก 16) สังคมสงบสุข ยุติธรรม ไม่แบ่งแยก และ 17) ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ที่มา: https://www.un.or.th/globalgoals/th/the-goals/)

ดร.วิชชุดา เล่าว่า “Ellen MacArthur เป็นผู้บุกเบิกหลักการของเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยมีแนวคิดว่า การนำวัสดุมาเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ต้องคิดตั้งแต่การออกแบบให้ทั้งวัสดุและผลิตภัณฑ์นี้ถูกนำมาใช้ต่อไปได้เรื่อยๆ โดยไม่มีของเสียเกิดขึ้น (zero waste) กล่าวคือพยายามใช้วัสดุ และผลิตภัณฑ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผลิตภัณฑ์อย่างรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ ที่เลิกใช้แล้วอย่าทิ้งให้นำมาใช้ซ้ำ ซ่อม ผลิตใหม่ หรือรีไซเคิล ถ้าเป็นของเสียทางชีวภาพต้องเปลี่ยนไปเป็นทรัพยากรได้ใหม่ เปลี่ยนเป็นพลังงาน หรือเปลี่ยนเป็นวัสดุตั้งต้น (feedstock) ป้อนเข้าสู่โรงงาน”

แผนภาพเศรษฐกิจหมุนเวียน

ดูจาก: https://www.ellenmacarthurfoundation.org/circular-economy/concept/infographic

ดร.วิชชุดา ยกตัวอย่าง “การนำขยะจากขวดเพ็ต[4] พีพี[5] และพีอี[6] มารีไซเคิลเป็นเม็ดพลาสติกอาจไม่คุ้มค่า เนื่องจากมีข้อด้อยที่เกิดการปนเปื้อน มีราคาสูงกว่าเม็ดพลาสติกใหม่ และไม่ได้รับการยอมรับเมื่อนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์บางชนิด แต่หากใช้เทคโนโลยีเปลี่ยนขยะเหล่านี้ให้เป็นก๊าซ และนำกลับมาเป็นวัสดุตั้งต้นสำหรับผลิตเม็ดพลาสติกใหม่ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือก ซึ่งเรียกว่าการอัปไซเคิล”

“การอัปไซเคิลมี 2 แบบ คือ 1) นำผลิตภัณฑ์มาแปลงสภาพเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่โดยการดัดแปรหรือใส่ความคิดสร้างสรรค์เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ใหม่มีมูลค่าสูงขึ้น และ 2) ใช้เทคโนโลยีในการเปลี่ยนสภาพ เช่น การนำขวดเพ็ตไปผ่านกระบวนการเพื่อเปลี่ยนให้เป็นพีบีที[7] ซึ่งสามารถนำไปขึ้นรูปเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์อื่นได้”

กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีโพลิเมอร์ขั้นสูงของเอ็มเทคได้จัดฟอรัม โดย ดร.อศิรา เฟื่องฟูชาติ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยได้บรรยายเกี่ยวกับภาพรวมของเศรษฐกิจหมุนเวียน ในขณะที่ ดร.วิชชุดา บรรยายเกี่ยวกับการบริหารจัดการขยะ

ดร.วิชชุดาเล่าถึงวัตถุประสงค์ของฟอรัมครั้งนี้ว่า “เราต้องการให้นักวิจัยในทีมรับทราบแนวโน้มของโลก รวมถึงคิดและออกแบบใหม่ในส่วนของการผลิตงานวิจัยในอนาคตที่ต้องการมากกว่าการใช้งาน แต่ต้องรวมไปถึงการจัดการปลายทางด้วย กล่าวคือ มุ่งสู่เศรษฐกิจพลาสติกใหม่ (new plastic economy) ที่ต้องสามารถจัดการขยะพลาสติกได้ง่ายขึ้น ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม และผลิตได้จากทรัพยากรอื่น เช่น ข้าวโพด น้ำตาล แบคทีเรีย หรือก๊าซเรือนกระจก เพื่อทดแทนพลาสติกจากฟอสซิล ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา”


[4] โพลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET, polyethylene terephthalate)

[5] โพลิโพรพิลีน (PP, polypropylene)

[6] โพลิเอทิลีน (PE, polyethylene)

[7] โพลิบิวทิลีนเทเรฟทาเลต (PBT, polybutylene taraphthalate)

แผนภาพเศรษฐกิจพลาสติกใหม่

ดูจาก: https://www.ellenmacarthurfoundation.org/assets/downloads/Foundation_New-Plastics-Economy_9.jpg

“เศรษฐกิจหมุนเวียนไม่ได้หมายถึงเราต้องลดความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตลง เพียงแต่ต้องคิดถึงการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่ามากขึ้น โดยเพิ่มมูลค่าของขยะ ลดปริมาณขยะที่ไม่มีมูลค่าลง วิธีการที่ดีที่สุดคือเริ่มจากการคัดแยกขยะให้ถูกต้อง โดยเฉพาะขยะพลาสติกที่เป็นบรรจุภัณฑ์เพราะเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันและเห็นได้ชัดเจนที่สุด” ดร.วิชชุดา กล่าวทิ้งท้าย

ข้อมูลเพิ่มเติม

https://www.pcd.go.th/Info_serv/File/Plastic%20pdf
https://www.ellenmacarthurfoundation.org/
https://www.ellenmacarthurfoundation.org/assets/downloads/EllenMacArthurFoundation_TheNewPlasticsEconomy_Pages.pdf

พัฒนาบุคลากรและสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้วยความเชี่ยวชาญที่มี

เมื่อถามว่าหลังจากที่ผันตัวไปช่วยงานบริการเทคนิค รวมถึงมีตำแหน่งบริหาร งานในส่วนการให้บริการวิเคราะห์ทดสอบด้วยเทคนิค XRD ยังอยู่ในความรับผิดชอบหรือไม่ คุณศุภกาญจน์ตอบว่า “ทำบ้างเป็นบางครั้ง แต่จะเป็นงานในลักษณะการพัฒนาวิธีการวิเคราะห์ทดสอบ เช่น การวิเคราะห์แร่ใยหินในแป้งทัลคัม (talcum) ซึ่งเป็นโจทย์จากบริษัทเอกชน การวิเคราะห์ต้องใช้หลายเทคนิคทั้ง SEM, XRD, จุลทรรศน์แสงโพลาไรซ์ (Polarized Light Microscope, PLM) และในประเทศไทยยังไม่มีใครรับวิเคราะห์”

“ดังนั้นด้วยศักยภาพทั้งโครงสร้างพื้นฐานและความเชี่ยวชาญของเจ้าหน้าที่เอ็มเทค เราจึงเริ่มศึกษาความเป็นไปได้โดยใช้เครื่องมือที่มี ซึ่งก็สามารถพัฒนาได้ระดับหนึ่ง แต่หากพัฒนาเพิ่มเติมก็น่าจะลดขีดจำกัดในการตรวจวัด (detection limit) ลงได้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถวิเคราะห์แร่ใยหินในปริมาณต่ำได้”

นอกจากนี้ คุณศุภกาญจน์ยังใช้ความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ด้วยเทคนิค XRD ช่วยสนับสนุนงานวิจัยไม่ว่าจะเป็นการสอนนักวิจัยหรือผู้ช่วยวิจัยให้ใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ หรือการมีส่วนร่วมในงานวิจัยในส่วนของการวิเคราะห์ทดสอบ ทั้งยังจัดสัมมนาให้ความรู้แก่ผู้สนใจทั้งภายในและภายนอกเอ็มเทคอีกด้วย

การมองไปในอนาคตและบทบาททางเทคนิค

สำหรับการมองอนาคตในสายอาชีพนั้น คุณศุภกาญจน์เล่าว่า “ส่วนตัวชอบทำงานบริการ เพราะได้พูดคุยกับลูกค้าเพื่อให้ข้อมูลต่างๆ ซึ่งทำให้รู้สึกว่าได้ให้สิ่งที่มีประโยชน์ทั้งกับองค์กรและลูกค้า การทำงานที่ผ่านมาสามารถให้บริการลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาผ่านช่องทาง MTEC INFO และทางโทรศัพท์ได้เกือบ100% แต่ถ้าหากต้องกลับไปทำงานห้องปฏิบัติการก็สามารถทำได้ เพราะมีความสุขกับการทำงานในห้องปฏิบัติการ หรือหากมีโจทย์ที่เป็นการพัฒนาวิธีการวิเคราะห์ทดสอบจะมองว่าถ้าต่างประเทศทำได้ เราก็ต้องทำได้ ถ้าขาดความรู้ก็ไปศึกษาหรืออบรมเพิ่มเติม และสั่งสมประสบการณ์ ถ้าเกิดประโยชน์ต่อประเทศก็ต้องยิ่งทำให้ได้”

ความภาคภูมิใจ

เนื่องจากอุตสาหกรรมบางรายอาจไม่สามารถซื้อเครื่องมือราคาสูงที่มีความหลากหลายได้ อีกทั้งไม่มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องมือ การวิเคราะห์ทดสอบ ตลอดจนการแปลผลและการให้คำแนะนำเชิงเทคนิค ดังนั้น การได้ใช้ความรู้ ความสามารถ และความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ที่ไม่จำกัดขอบเขตในการเรียนรู้ มาให้คำปรึกษาเชิงเทคนิคแก่กลุ่มอุตสาหกรรม รวมทั้งสามารถนำมาพัฒนาต่อยอดเพื่อตอบโจทย์ที่เป็นประโยชน์กับประเทศ คือสิ่งที่สร้างความภาคภูมิใจให้แก่คุณศุภกาญจน์อย่างยิ่ง

The post สัมภาษณ์ ดร.วิชชุดา เดาด์ เอ็มเทคกับบทบาทด้านการจัดการขยะพลาสติกอย่างยั่งยืนด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
นักวิจัยเอ็มเทค ได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิก Institutional Board of Directors ของสมาคม IAPRI 2023-2026 https://www.mtec.or.th/news-event-80121/ Thu, 06 Jun 2024 06:20:24 +0000 http://10.228.23.44:38014/?p=14482 ดร.วิชชุดา เดาด์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยเทคโนโลยีโพลิเมอร์ขั้นสูง ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) เป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อและผ่านการคัดเลือก เป็นสมาชิก Institutional Board of Directors ของสมาคม International Association of Packaging Research Institutes (IAPRI)

The post นักวิจัยเอ็มเทค ได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิก Institutional Board of Directors ของสมาคม IAPRI 2023-2026 appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

นักวิจัยเอ็มเทค ได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิก Institutional Board of Directors ของสมาคม IAPRI 2023-2026

ดร.วิชชุดา เดาด์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยเทคโนโลยีโพลิเมอร์ขั้นสูง ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) เป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อและผ่านการคัดเลือก เป็นสมาชิก Institutional Board of Directors ของสมาคม International Association of Packaging Research Institutes (IAPRI) โดยจะทำหน้าที่ในวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ร่วมกับ Board of Directors ที่ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญอีก 10 ท่านจากมหาวิทยาลัยและองค์กรในทวีปอเมริกา ยุโรป เอเชียและแปซิฟิก อาทิ สหรัฐอเมริกา ฟินแลนด์ นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ จีน ออสเตรเลีย

จากความมุ่งมั่นตลอดระยะเวลาในการเป็นนักวิจัย ดร.วิชชุดา เดาด์ มีความสนใจและเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีโพลิเมอร์ ทั้งงานวิจัยพื้นฐานและงานวิจัยประยุกต์ ปัจจุบัน ดร.วิชชุดา ให้ความสนใจและมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจพลาสติกใหม่ (New Plastic Economy) ที่อาศัยการบูรณาการองค์ความรู้หลากหลายสาขา โดยเฉพาะให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารจัดการพลาสติกตลอดช่วงชีวิต (Plastic End-of-Life Management) และแนวทางการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน

 สำหรับบทบาทในฐานะสมาชิกของ IAPRI นั้น ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ดร.วิชชุดา ได้มีส่วนร่วมในการประชุมวิชาการที่จัดโดย IAPRI หลายครั้ง รวมถึงการทำหน้าที่ในฐานะผู้แต่งร่วมในบทความวิชาการในการประชุมวิชาการระดับนานาชาติหลายฉบับ นอกจากนี้ ดร.วิชชุดา ยังมีส่วนร่วมในการส่งเสริมแนวปฏิบัติด้านบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ตลอดจนแบ่งปันและเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ กับสมาชิก IAPRI โดยเขียนบทความลงในจดหมายข่าวรายเดือนของ IAPRI เป็นต้น

IAPRI (www.iapri.org) เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ไม่แสวงหากำไร มุ่งส่งเสริมการดำเนินงานวิจัยและพัฒนาด้านบรรจุภัณฑ์ IAPRI มีวิสัยทัศน์ในการเป็นศูนย์กลางในการสร้างความร่วมมือ และพันธมิตรทางวิชาการตลอดห่วงโซ่คุณค่าของบรรจุภัณฑ์ ผ่านการจัดกิจกรรม การประชุมวิชาการประจำปี การแลกเปลี่ยนนักวิจัย นักศึกษา และ โปรแกรมหลักสูตรการอบรมต่างๆ โดยมีเครือข่ายทั่วโลกจากหลายภาคส่วนประกอบด้วยสถาบันวิจัย มหาวิทยาลัย และภาคเอกชน ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 90 องค์กรใน 29 ประเทศ

สวทช. โดย เอ็มเทค ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคม IAPRI มาตั้งแต่ พ.ศ. 2556 และมีการดำเนินการในฐานะสมาชิกมาอย่างต่อเนื่อง โดย Board of Directors ทำหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการกำกับดูแลและกำหนดนโยบายการดำเนินงาน รวมถึงติดตามการนำนโยบายไปปฏิบัติภายใต้การกำกับดูแลของผู้อำนวยการสถาบัน (President) ซึ่งการดำเนินงานของสมาคมจะประกอบด้วย การจัดประชุมสมาชิกประจำปี การประชุมวิชาการ สัมมนา และรางวัล IAPRI เป็นต้น

The post นักวิจัยเอ็มเทค ได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิก Institutional Board of Directors ของสมาคม IAPRI 2023-2026 appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>