MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ https://www.mtec.or.th/ National Metal and Materials Technology Center Thu, 23 Oct 2025 17:50:43 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.3 https://www.mtec.or.th/wp-content/uploads/2019/03/favicon.ico MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ https://www.mtec.or.th/ 32 32 เอ็มเทค สวทช. นำเสนองานด้าน CAE และ Digital Twin เพื่อหารือความร่วมมือกับ NIAR ของไต้หวัน https://www.mtec.or.th/mtec-cae-digital-twin/ Thu, 23 Oct 2025 16:50:55 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=40987 วันที่ 15-16 ตุลาคม 2568 ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำโดย ดร.สมบูรณ์ โอตรวรรณะ และ ดร.เกียรติศักดิ์ เหงี่ยมสูงเนิน จากทีมวิจัยคอมพิวเตอร์ช่วยในการคำนวณทางวิศวกรรม ... Read more

The post เอ็มเทค สวทช. นำเสนองานด้าน CAE และ Digital Twin เพื่อหารือความร่วมมือกับ NIAR ของไต้หวัน appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

วันที่ 15-16 ตุลาคม 2568

           ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำโดย ดร.สมบูรณ์ โอตรวรรณะ และ ดร.เกียรติศักดิ์ เหงี่ยมสูงเนิน จากทีมวิจัยคอมพิวเตอร์ช่วยในการคำนวณทางวิศวกรรม (CAE Research Team) กลุ่มวิจัยการออกแบบเชิงวิศวกรรมและการคำนวณ ได้นำเสนอและหารืองานวิจัยและพัฒนาของเอ็มเทคที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี CAE (Computer-Aided Engineering) และ Digital Twin ให้กับคณะตัวแทนจาก NIAR (National Institutes of Applied Research) ของไต้หวัน

          สำหรับ CAE และ Digital Twin เป็นสองเทคโนโลยีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยกระดับโรงงานอุตสาหกรรมให้เข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) ด้วยการประยุกต์เทคโนโลยีขั้นสูงผนวกกับระบบดิจิทัลสามารถเพิ่มผลิตภาพ (productivity) ให้แก่การผลิตและการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ (predictive maintenance) ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของบริการ “Industry 4.0 Platform” ของ สวทช. ที่รวบรวมบริการและกิจกรรมสนับสนุนการยกระดับสู่อุตสาหกรรม 4.0 แบบครบวงจร (one-stop service) ตั้งแต่การใช้ Thailand i4.0 Index ช่วยประเมินวัดระดับความพร้อมสู่อุตสาหกรรม 4.0 แล้วต่อไปยังบริการให้คำปรึกษาและฝึกอบรมเพื่อยกระดับโรงงานและพัฒนาศักยภาพบุคลากรทุกระดับ

          สำหรับการมาเยือน สวทช. ของคณะจาก NIAR ในครั้งนี้ เพื่อเข้าร่วมประชุม NSTDA-NIAR Scientific Workshop ซึ่งมีวัตถุประสงค์เรื่องความร่วมมือในการร่วมกันพัฒนาข้อเสนอโครงการภายใต้ NSTDA-NIAR Joint Research Program 2025 (กำหนดเปิดรับข้อเสนอโครงการในช่วงกลางเดือนกันยายน – ตุลาคม 2568) ใน 5 หัวข้อหลัก ได้แก่ Theme 1: Commercialization of Technology of Interest, Theme 2: Sensor Technology, Theme 3: High-Performance Computing, Theme 4: Green Energy, Sustainability, and Net Zero และ Theme 5: Artificial Intelligence

The post เอ็มเทค สวทช. นำเสนองานด้าน CAE และ Digital Twin เพื่อหารือความร่วมมือกับ NIAR ของไต้หวัน appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
เอ็มเทค สวทช. โชว์นวัตกรรมด้าน (End-of-Waste) อย่างยั่งยืน ในงาน ECO Innovation Forum 2025 https://www.mtec.or.th/mtec-eco-innovation-forum-2025/ Mon, 20 Oct 2025 03:27:13 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=40956 วันที่ 17 ตุลาคม 2568 ณ ห้องอัศวิน แกรนด์บอลรูม โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ – นายศุภกิจ บุญศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ... Read more

The post เอ็มเทค สวทช. โชว์นวัตกรรมด้าน (End-of-Waste) อย่างยั่งยืน ในงาน ECO Innovation Forum 2025 appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

วันที่ 17 ตุลาคม 2568
ณ ห้องอัศวิน แกรนด์บอลรูม โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ –

          นายศุภกิจ บุญศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เข้าร่วมงานสัมมนา “ECO Innovation Forum 2025” จัดโดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ร่วมกับสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ภายใต้แนวคิด “พัฒนาอุตสาหกรรมไทย ด้วยอุตสาหกรรมใหม่อย่างยั่งยืน” โดยมีจ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงแนวทางการขับเคลื่อน “MIND อุตสาหกรรมคู่ชุมชน”  โดยมีผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ และผู้ประกอบการเข้าร่วมงาน โดยมีนายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการ กนอ. และนายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการ กนอ. ให้การต้อนรับ การจัดสัมมนาวิชาการในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางอนาคตของอุตสาหกรรมไทยที่ต้องเติบโตอย่างสมดุลควบคู่ไปกับสังคมและสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ จ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “การนำนิคมอุตสาหกรรม ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่ความยั่งยืน” พร้อมทั้งนำคณะผู้บริหารฯ ประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม : จัดการของเสียอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบและมีมาตรฐานเพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืน โดยร่วมกับผู้ประกอบการ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ผู้พัฒนานิคมฯ และ ผู้แทน ส.อ.ท. ทุกภูมิภาคที่มาร่วมงาน และได้มอบโล่เกียรติยศและใบประกาศเกียรติคุณ ให้กับนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ และสถานประกอบการที่มีการจัดการทรัพยากรตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน

โดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช.นำผลงานด้าน End of Waste และ Waste Utilization ได้แก่
1.
ผลงาน “Chromium Recovery Technology from Industrial Waste toward the Production of Ceramic Pigment Materials”

2. ผลงาน “เทคโนโลยีการเตรียมแร่โดโลไมต์เป็นวัตถุดิบคุณภาพสูงเพื่อใช้ทดแทนซีเมนต์ในวัสดุก่อสร้าง”

3. ผลงาน “Synthesis lightweight aggregate “G-Rock” for construction industries”

ภายในงานได้มีการมอบโล่เกียรติยศและใบประกาศเกียรติคุณ ให้กับนิคมอุตสาหกรรมและโรงงาน รวมทั้งสิ้นกว่า 269 แห่ง

The post เอ็มเทค สวทช. โชว์นวัตกรรมด้าน (End-of-Waste) อย่างยั่งยืน ในงาน ECO Innovation Forum 2025 appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
จาก ‘ของเสียอุตสาหกรรม’ สู่ ‘คอนกรีตบล็อกคุณภาพมาตรฐาน’ https://www.mtec.or.th/stakeholders_perspective-tps-mr-separator/ Mon, 20 Oct 2025 00:36:03 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=40944 ปี 2566 ประเทศไทยมีกากของเสียอุตสาหกรรมรวม 19.82 ล้านตัน แบ่งเป็นของเสียไม่อันตราย 18.69 ล้านตัน และของเสียอันตราย 1.13 ล้านตัน การจัดการกากของเสียอุตสาหกรรมเหล่านี้ ส่วนใหญ่ใช้วิธีการฝังกลบหรือเผาทำลาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

The post จาก ‘ของเสียอุตสาหกรรม’ สู่ ‘คอนกรีตบล็อกคุณภาพมาตรฐาน’ appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

ยกระดับ ‘กากซิโตรยิปซัม’ สู่ ‘วัตถุดิบ’ สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง

สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้
ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

ปี 2566 ประเทศไทยมีกากของเสียอุตสาหกรรมรวม 19.82 ล้านตัน แบ่งเป็นของเสียไม่อันตราย 18.69 ล้านตัน และของเสียอันตราย 1.13 ล้านตัน การจัดการกากของเสียอุตสาหกรรมเหล่านี้ ส่วนใหญ่ใช้วิธีการฝังกลบหรือเผาทำลาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นภาระต่อการจัดการในระยะยาว

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม มีภารกิจหลักในการจัดหาและบริหารจัดการวัตถุดิบ ทั้งจากแหล่งแร่ธรรมชาติ และวัตถุดิบทดแทนที่ได้จากการรีไซเคิลขยะหรือของเสีย จึงได้ริเริ่มโครงการพัฒนาและยกระดับสถานประกอบการอุตสาหกรรมเพื่อเชื่อมโยงสู่ตลาดเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี

โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับสถานประกอบการอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีรีไซเคิลและอัปไซเคิล โดยมีศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นที่ปรึกษาโครงการ และมีห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ็ม อาร์. เซพพาเรทเตอร์ เข้าร่วมโครงการ

ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ็ม อาร์. เซพพาเรทเตอร์ เป็นผู้ประกอบกิจการโรงงานประเภท รง.105, 106 รับจัดการ คัดแยกกากของเสียอุตสาหกรรมประเภทของเสียไม่อันตราย รวมไปถึงผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการใช้ประโยชน์กากของเสียอุตสาหกรรมที่รับเข้ามาจัดการ เช่น เชื้อเพลิง RDF และสารปรับปรุงดิน

ห้างหุ้นส่วนจำกัดฯ มีกากอุตสาหกรรม เช่น เถ้าหนัก เถ้าลอย ทรายหล่อแบบใช้แล้ว รวมถึงกากอุตสาหกรรมต่างๆ จึงต้องการเพิ่มมูลค่ากากอุตสาหกรรมเหล่านี้ โดยนำกลับมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตคอนกรีตบล็อก เพื่อทดแทนปูนซีเมนต์ และมวลรวมจากธรรมชาติ

แม้ว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดฯ จะมีความพร้อมด้านสถานที่ แรงงาน และมีประสบการณ์ในการผลิตคอนกรีตบล็อก แต่เป็นการผลิตโดยอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้ปฏิบัติงานจึงไม่มีสูตรการผลิตที่แน่นอน อีกทั้งกากอุตสาหกรรมที่นำมาใช้ก็มีองค์ประกอบทางเคมีค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งย่อมส่งผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้

ทีมที่ปรึกษาจึงดำเนินการวิจัยและพัฒนา โดยปรับปรุงสูตรการผลิตให้เหมาะสมกับกากอุตสาหกรรมแต่ละชนิด เพื่อให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสม่ำเสมอและมีสมบัติสอดคล้องกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

ทีมที่ปรึกษายังให้ข้อเสนอแนะแก่โรงงานในการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้มีมาตรฐานและมีการควบคุมคุณภาพ รวมถึงใช้สูตรการผลิตที่เหมาะสมกับกากอุตสาหกรรมแต่ละชนิด

ผลลัพธ์ที่ได้จากโครงการนี้ได้ช่วยให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนการผลิตได้ 5.29-19.78% นำความรู้เชิงวิชาการไปต่อยอดการผลิตคอนกรีตบล็อกให้มีคุณภาพดีขึ้น เพิ่มความสามารถในแข่งขัน อีกทั้งยังลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

สอบถามเพิ่มเติม:
คุณระพีพันธ์ ระหงษ์
งานประสานธุรกิจและอุตสาหกรรม ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
โทรศัพท์: 0 2564 6500 ต่อ 4789
อีเมล: rapeepr@mtec.or.th หรือ
คุณณัฐพงศ์ ณ ลำพูน
กองนวัตกรรมวัตถุดิบและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง กพร.
โทรศัพท์ 0 2430 6842 ต่อ 4211
อีเมล: Nattapong_n@dpim.go.th

The post จาก ‘ของเสียอุตสาหกรรม’ สู่ ‘คอนกรีตบล็อกคุณภาพมาตรฐาน’ appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
กพร. จับมือ MTEC สวทช. ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโลหะไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ รับมือมาตรการ CBAM ของยุโรป https://www.mtec.or.th/mtec-cbam/ Fri, 10 Oct 2025 02:26:59 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=40873 กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สวทช. จัดสัมมนา “อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ: เส้นทางสู่อนาคตอุตสาหกรรมไทย” เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมพูลแมน คิง ... Read more

The post กพร. จับมือ MTEC สวทช. ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโลหะไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ รับมือมาตรการ CBAM ของยุโรป appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สวทช. จัดสัมมนา “อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ: เส้นทางสู่อนาคตอุตสาหกรรมไทย” เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มอุตสาหกรรมโลหะที่ไม่ใช่เหล็กหรือเหล็กกล้า เช่น อะลูมิเนียม ทองแดง ตะกั่ว สังกะสี และดีบุก ปรับตัวรับมือมาตรการกีดกันทางการค้าด้านสิ่งแวดล้อม เช่น มาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป

ดร.ศราวุธ เลิศพลังสันติ รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สวทช. กล่าวต้อนรับและระบุว่า โครงการนี้มีเป้าหมายถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยี และกรณีศึกษาการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากโรงงานต้นแบบ 3 แห่ง เพื่อเป็นแนวทางให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถลดผลกระทบจาก CBAM และยกระดับมาตรฐานการผลิตของไทย ขณะที่ คุณอารยา ไสลเพชร รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กล่าวเปิดงาน โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่อุตสาหกรรมไทยต้องปรับตัวรับมือกับ “กำแพงสีเขียว” ซึ่งหมายถึงมาตรการทางการค้าที่มุ่งปกป้องสิ่งแวดล้อมและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมย้ำบทบาทของ กพร. ในฐานะหน่วยงานหลักด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่ส่งเสริมการรีไซเคิลโลหะสำคัญ เช่น ลิเทียม เพื่อทั้งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบ

ในส่วนของผลการดำเนินโครงการ ดร.ฤทธิไกร สิริชัยเวชกุล นักวิจัย MTEC สวทช. และผู้จัดการโครงการฯ ได้นำเสนอกรณีศึกษาการปรับปรุงกระบวนการผลิตในโรงงานต้นแบบ 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท แอลเมทไทย จำกัด, บริษัท ซังเคียว ทาเทยาม่า อัลลอยด์ (ไทยแลนด์) จำกัด และบริษัท แสงร่มโพธิ์ ออโต้พาร์ท จำกัด โดยแต่ละแห่งสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ตามเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนจากเตาหลอมแก๊ส LPG มาใช้เตาขดลวดต้านทานไฟฟ้า สามารถลดการปล่อย CO₂ ได้ร้อยละ 29 และลดคาร์บอนฟุตพรินท์ของผลิตภัณฑ์ได้ถึงร้อยละ 30.1 รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในบางขั้นตอนสูงสุดถึงร้อยละ 79 ขณะที่ ดร. นฤเทพ เล็กศิวิไล ผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินคาร์บอนฟุตพรินท์ ได้อธิบายแนวทางจัดเก็บข้อมูลคาร์บอนฟุตพรินท์ในทุกขอบเขต (Scope 1, 2 และ 3) ให้สอดคล้องกับมาตรฐานกลุ่มผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม

ภายในงานยังมีการบรรยายพิเศษจาก ดร.กิตติศักดิ์ พฤกษ์กานนท์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และความร่วมมือระหว่างประเทศ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ชี้แจงทิศทางนโยบายของประเทศสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 และมาตรการสำคัญ เช่น การกำหนดราคาคาร์บอนและกลไก CBAM พร้อมจัดแสดงนิทรรศการเทคโนโลยีจาก MTEC และ กพร. อาทิ ระบบประเมินการประยุกต์หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (CEPAS) และเทคโนโลยีการรีไซเคิลกากอะลูมิเนียม ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน

The post กพร. จับมือ MTEC สวทช. ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโลหะไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ รับมือมาตรการ CBAM ของยุโรป appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
ยกระดับ ‘กากซิโตรยิปซัม’ สู่ ‘วัตถุดิบ’ สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง https://www.mtec.or.th/stakeholders_perspective-tps-citro-gypsum/ Thu, 09 Oct 2025 04:41:55 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=40845 เศรษฐกิจแบบเส้นตรง (Linear economy) ซึ่งเน้นการผลิต-บริโภค-ทิ้ง ได้สร้างผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะใช้ทรัพยากรอย่างไม่คุ้มค่า ทำให้เกิดขยะปริมาณมาก ทั้งยังแฝงต้นทุนการจัดการสิ่งแวดล้อมไว้ด้วย หลายประเทศทั่วโลกจึงให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy)

The post ยกระดับ ‘กากซิโตรยิปซัม’ สู่ ‘วัตถุดิบ’ สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

ยกระดับ ‘กากซิโตรยิปซัม’ สู่ ‘วัตถุดิบ’ สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง

สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้
ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

เศรษฐกิจแบบเส้นตรง (Linear economy) ซึ่งเน้นการผลิต-บริโภค-ทิ้ง ได้สร้างผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะใช้ทรัพยากรอย่างไม่คุ้มค่า ทำให้เกิดขยะปริมาณมาก ทั้งยังแฝงต้นทุนการจัดการสิ่งแวดล้อมไว้ด้วย หลายประเทศทั่วโลกจึงให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy) ซึ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม มีนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยมีภารกิจหลักคือการจัดหาและบริหารจัดการวัตถุดิบ ทั้งจากแหล่งแร่ธรรมชาติ และวัตถุดิบทดแทนที่ได้จากการรีไซเคิลขยะหรือของเสีย เพื่อให้การใช้ทรัพยากรเป็นไปอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์และมูลค่าเพิ่มสูงสุด และลดของเสียให้เหลือน้อยที่สุด ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้ประกอบการไทย

กพร. ได้ดำเนิน ‘โครงการพัฒนาและยกระดับสถานประกอบการอุตสาหกรรมเพื่อเชื่อมโยงสู่ตลาดเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี’ ซึ่งจะช่วยยกระดับผู้ประกอบด้วยเทคโนโลยีรีไซเคิล (Recycle) และอัปไซเคิล (Upcycle) โดยมีศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) เป็นที่ปรึกษาโครงการ

บริษัท ไทยซิตริกแอซิด จำกัด เป็นบริษัทหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกรดมะนาวโดยมีเจ้าของกิจการเป็นคนไทย บริษัทฯ มีขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดใหม่ และมุ่งประยุกต์เทคโนโลยีเพื่อสร้างนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินธุรกิจแบบ Zero Waste ซึ่งมุ่งใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดของเสีย และส่งเสริมการนำวัสดุพลอยได้ในกระบวนการผลิตกลับมาใช้ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน

วัสดุพลอยได้ที่เกิดจากกระบวนการผลิตกรดมะนาวคือ ซิโตรยิปซัม (Citro-gypsum) บริษัทฯ  จึงต้องการพัฒนากระบวนการปรับปรุงซิโตรยิปซัมให้มีคุณภาพดีกว่าเดิม เพื่อนำไปใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ยิปซัมบอร์ด แผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้าง นอกจากนี้ยังอาจนำไปใช้ทดแทนแร่ยิปซัมธรรมชาติที่คาดว่าจะขาดแคลนในอีก 30 ปีข้างหน้าได้อีกด้วย

ทีมวิจัยได้ลงพื้นที่เพื่อประเมินขอบเขตการพัฒนาและศึกษาบริบทที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจึงกำหนดกลยุทธ์การดําเนินงาน โดยเสนอให้ปรับปรุงคุณภาพกากซิโตรยิปซัมด้วยวิธีทางกายภาพ ทางเคมี และทางความร้อน

ทีมวิจัยร่วมกับบริษัทฯ พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงคุณภาพซิโตรยิปซัมให้มีสมบัติใกล้เคียงกับยิปซัมธรรมชาติ มีรูปแบบพร้อมใช้งาน และใช้กับกระบวนการผลิตกรดมะนาวของบริษัทฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ บริษัทฯ สามารถปรับใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีอยู่ ไม่ต้องลงทุนซื้อใหม่

โครงการนี้ช่วยให้บริษัท ไทยซิตริกแอซิด จำกัด มีเทคโนโลยีปรับปรุงคุณภาพกากซิโตรยิปซัม ลดปริมาณและภาระในการจัดการกากซิโตรยิปซัม ทั้งยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจําหน่ายผลิตภัณฑ์ยิปซัมสังเคราะห์ นับเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันไปพร้อมกัน

สอบถามเพิ่มเติม:
คุณระพีพันธ์ ระหงษ์
งานประสานธุรกิจและอุตสาหกรรม ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
โทรศัพท์: 0 2564 6500 ต่อ 4789
อีเมล: rapeepr@mtec.or.th หรือ
คุณณัฐพงศ์ ณ ลำพูน
กองนวัตกรรมวัตถุดิบและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง กพร.
โทรศัพท์ 0 2430 6842 ต่อ 4211
อีเมล: Nattapong_n@dpim.go.th

The post ยกระดับ ‘กากซิโตรยิปซัม’ สู่ ‘วัตถุดิบ’ สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
หลักสูตรอบรม การวิเคราะห์ผิวหน้าแตกหักโลหะภาคปฏิบัติ (วันที่ 15-16 ธันวาคม 2568) https://www.mtec.or.th/practical-fractography-of-metals/ Tue, 07 Oct 2025 03:33:02 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=40785 หลักสูตรอบรม การวิเคราะห์ผิวหน้าแตกหักโลหะภาคปฏิบัติ (วันที่ 15-16 ธันวาคม 2568) หลักสูตรอบรมเชิงปฏิบัติการการวิเคราะห์ผิวหน้าแตกหักโลหะภาคปฏิบัติ(Practical Fractography of Metals) จัดโดยทีมวิจัยการวิเคราะห์ความเสียหายและวิศวกรรมการเชื่อถือ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  วันที่ 15 – ... Read more

The post หลักสูตรอบรม การวิเคราะห์ผิวหน้าแตกหักโลหะภาคปฏิบัติ (วันที่ 15-16 ธันวาคม 2568) appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

หลักสูตรอบรม การวิเคราะห์ผิวหน้าแตกหักโลหะภาคปฏิบัติ (วันที่ 15-16 ธันวาคม 2568)

หลักสูตรอบรมเชิงปฏิบัติการ
การวิเคราะห์ผิวหน้าแตกหักโลหะภาคปฏิบัติ
(Practical Fractography of Metals)

จัดโดย
ทีมวิจัยการวิเคราะห์ความเสียหายและวิศวกรรมการเชื่อถือ 
ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ 
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
 

วันที่ 15 – 16 ธันวาคม 2568 เวลา 9.00-17.00 น.
ห้อง M120 อาคารเอ็มเทค อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี

หลักการและเหตุผล
        ในโลกของวิศวกรรมเครื่องกล โครงสร้าง และวัสดุศาสตร์ ความเสียหายและการแตกหักของชิ้นส่วนเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และต้นทุนอย่างมหาศาล เมื่ออุปกรณ์หรือโครงสร้างต้องเผชิญกับแรงทางกล ซ้ำๆ หรือรุนแรง จนนำไปสู่การแตกหักเสียหาย การเข้าใจถึงสาเหตุราก (Root Cause) ของปัญหานั้นคือหัวใจสำคัญของการป้องกันและพัฒนา
        การศึกษาผิวหน้าแตกหัก (Fractography) จึงเป็นศาสตร์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการวิเคราะห์ความเสียหาย (Failure Analysis) เพราะผิวหน้าแตกหักที่เกิดขึ้นนั้นเปรียบเสมือนบันทึกหลักฐาน ที่ละเอียดอ่อนของกระบวนการเสียหายโดยมากกว่า 80-90% ของความเสียหายจากแรงทางกลที่เกิดขึ้นกับเครื่องจักรกลและโครงสร้างต่างๆ นั้นมีสาเหตุมาจากการล้า (Fatigue Failure) ข้อมูลบนผิวหน้าแตกหักจึงสามารถบ่งบอกถึง:
   • จุดเริ่มต้น ของรอยแตก
   • ทิศทางการขยายตัว ของรอยแตก
   • ระยะเวลา รอยแตกขยายตัว
   • ลักษณะและทิศทางของแรง ที่กระทำต่อชิ้นงานขณะเกิดความเสียหาย
        การทำความเข้าใจและตีความหลักฐานเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการแตกหักจากการล้า (Fatigue Fractures) จึงเป็นทักษะที่นักวิเคราะห์ความเสียหายและวิศวกรทุกคนต้องมี เพื่อป้องกันไม่ให้ความเสียหายในรูปแบบเดิม ๆ เกิดขึ้นซ้ำอีก
        เป้าหมายของหลักสูตร: จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติจริง
        คำถามสำคัญที่นักวิเคราะห์ความเสียหายต้องตอบให้ได้คือ: “เราจะระบุจุดเริ่มต้นของรอยแตกได้อย่างแม่นยำได้อย่างไร และจะขยายผลเพื่อค้นหาปัญหาทางวัสดุได้อย่างไร?”
        หลักสูตรการอบรมนี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อมอบคำตอบเชิงปฏิบัติที่ชัดเจน โดยมุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการวิเคราะห์ผิวหน้าแตกหักผ่านการผสมผสานระหว่างการบรรยายเชิงทฤษฎี และ ประสบการณ์ตรง ที่ทีมงานผู้เชี่ยวชาญได้สั่งสมมามากกว่า 25 ปี
        ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้และฝึกฝน:
   1.การตรวจสอบระดับมหภาคและจุลภาค (Macro and Micro-level Examination):
      o การตรวจด้วยสายตาและกล้องจุลทรรศน์สเตอริโอ (Stereo Microscope): เพื่อยืนยันรูปแบบการแตกหัก (Fracture Modes)
      o การใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด (SEM): เพื่อยืนยันกลไกการแตกหัก (Fracture Mechanism) ด้วยความละเอียดในระดับนาโนเมตร
   2.การประยุกต์ใช้ความรู้ในภาคปฏิบัติ: มีการแสดงและสาธิตเครื่องมือจริงจากบริษัทเอกชนชั้นนำ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำความรู้และเทคนิคที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ความเสียหายในสถานการณ์จริงได้อย่างทันที
 
        หลักสูตรนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาทักษะการวิเคราะห์ความเสียหายของคุณให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น ด้วยการเจาะลึกศาสตร์แห่ง Fractography ที่พร้อมถ่ายทอดจากผู้มีประสบการณ์ตรงสู่การปฏิบัติจริง!
 
วัตถุประสงค์
        การจัดสัมมนา “การวิเคราะห์ผิวหน้าแตกหัก (Fractography)” ในครั้งนี้ มีเป้าหมายสำคัญเพื่อพัฒนาผู้เข้าร่วมให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็นในการวิเคราะห์ความเสียหายของชิ้นส่วนวิศวกรรมอย่างเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมสามารถ:
   1.สร้างความเข้าใจพื้นฐาน (Knowledge Foundation): มีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับกลไกและความเสียหายของการแตกหักในวัสดุโลหะ
   2.ระบุความสัมพันธ์ (Causal Relationship): ทราบถึงความสัมพันธ์ที่สำคัญระหว่าง สาเหตุ และ ผลกระทบที่นำไปสู่การแตกหัก
   3.เชื่อมโยงลักษณะและสาเหตุ (Interpretation Skill): เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ลักษณะที่ปรากฏบนผิวหน้าแตกหัก กับสาเหตุที่แท้จริงของการเสียหาย
   4.ยึดตามหลักปฏิบัติสากล (Standard Practice): ทราบแนวทางการวิเคราะห์ผิวหน้าแตกหักตามหลักปฏิบัติที่เป็นสากลและเป็นที่ยอมรับในวงการวิศวกรรม
   5.จำแนกรูปแบบการแตกหัก (Fracture Mode Identification): สามารถแยกแยะและจำแนกรูปแบบผิวหน้าแตกหักต่างๆ จากลักษณะทางกายภาพที่ปรากฏ
   6.ระบุจุดเริ่มต้นและขยายผล (Root Cause Analysis): สามารถค้นหาจุดเริ่มต้นของรอยแตก และนำไปสู่การวิเคราะห์ขยายผลเชิงลึก เพื่อหามาตรการป้องกัน
   7.ถ่ายทอดความรู้ (Knowledge Transfer): สามารถนำเสนอและถ่ายทอดความรู้ และผลการวิเคราะห์ที่ได้รับให้กับทีมงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
รูปแบบกิจกรรม (Activity Format)
   • การอบรมภาคทฤษฎีเชิงประยุกต์: เน้นการบรรยายที่ผสมผสานหลักการทางทฤษฎีเข้ากับกรณีศึกษาและตัวอย่างจริงที่ทีมงานผู้เชี่ยวชาญเคยประสบมา เพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานได้ทันที
   • การสาธิตเครื่องมือปฏิบัติการ: มีการประยุกต์ใช้เทคนิค Visual Inspection, แว่นขยาย กล้องสเตอริโอ รวมทั้ง SEM 
 
คุณสมบัติของผู้สมัครเข้ารับการอบรม (Target Audience)
        หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับบุคลากรและผู้สนใจที่ต้องการพัฒนาทักษะเฉพาะทางด้านการวิเคราะห์ความเสียหาย:
   • วิศวกรและนักวิจัย: ผู้ที่มีความรู้พื้นฐานด้านวิศวกรรมวัสดุ, วิศวกรรมเครื่องกล, วิศวกรรมโลหการ, หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง
   • บุคลากรในอุตสาหกรรม: ผู้ที่ปฏิบัติงานในแผนกซ่อมบำรุง, ควบคุมคุณภาพ, วิจัยและพัฒนา, หรือมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ความเสียหาย (Failure Analysis) ในอุตสาหกรรมต่างๆ
   • ผู้สนใจทั่วไป: ผู้ที่ต้องการยกระดับความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับความทนทานและการแตกหักของวัสดุ
 
วิทยากร 
   1. ดร.เอกรัตน์ ไวยนิตย์; Dr.–Ing. (Materials Engineering)
   2. อ.สยาม แก้วคำไสย์; M. Eng (Metallurgical Engineering)
   3. อ.โฆษิต วงค์ปิ่นแก้ว; M. Eng (Metallurgical Engineering)
   4. อ.นิรุช บุญชู; M. Eng. (Metallurgical Engineering)
   5. อ.วิษณุพงษ์ คนแรง; B. Eng (Materials Engineering and Production Technology) 
   6. อ.วราพงศ์ ถองกระโทก; B. Eng (Materials & Metallurgical Engineering)
   7. อ.ดวงรดา ยุทธกำธร; M. Sci. (Materials Science)
 
กำหนดการ
วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม 2568
08:00 น. – 08:45 น. ลงทะเบียน
08:45 น. – 09:00 น. พิธีเปิดการสัมมนา โดย ดร.เอกรัตน์ ไวยนิตย์
09:00 น. – 10:30 น. กลศาสตร์การแตกหัก (Fracture Mechanics) 
                                     (ดร.เอกรัตน์ ไวยนิตย์)
10:30 น. – 10:40 น. พักรับประทานอาหารว่าง
10:40 น. – 12:00 น.  ขั้นตอนการตรวจสอบผิวหน้าแตกหัก 
                                    รูปแบบและกลไกการแตกหัก (Fracture Modes and Mechanisms)
                                     (อ.วิษณุพงษ์ คนแรง)
12:00 น. – 13:00 น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
13:00 น. – 14:30 น. การระบุจุดเริ่มต้นรอยแตก (Fracture Origin Identification)
                                   – การระบุจุดเริ่มรอยแตกทางมหภาคด้วย Chevron, Radial, River, และ Beach marks 
                                   – จุดเริ่มรอยแตกทางจุลภาค (Microscale Crack-initiation Sites)
                                   – การตรวจสอบเชิงลึกบริเวณจุดเริ่มรอยแตก
                                    (อ.สยาม แก้วคำไสย์)
14:45 น. – 15:00 น. พักรับประทานอาหารว่าง
15:00 น. – 16:30 น. ภาคปฏิบัติ: การวิเคราะห์ผิวหน้าแตกหักรูปแบบต่างๆ แบ่งเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มละ 20 นาที/ตัวอย่าง เวียนจนครบทั้ง 5 สถานี
                                  สถานีที่ 1. ผิวหน้าแตกหักที่มีจุดเริ่มจุดเดียวและหลายจุด
                                  สถานีที่ 2. ผิวหน้าแตกหักที่เกิดจากการรับแรงแบบ torsional bending
                                  สถานีที่ 3. ผิวหน้าแตกหักจากการรับแรงแบบ unidirectional และ reversed bending
                                  สถานีที่ 4. ผิวหน้าแตกหักแบบ corrosion fatigue
                                  สถานีที่ 5. ศึกษาผิวหน้าแตกหักแบบเหนียว/เปราะในระดับมหภาคและจุลภาคด้วย SEM
(ทีมวิเคราะห์ความเสียหายฯ)
16:30 น. – 17:00 น. สรุปภาคปฏิบัติการศึกษาผิวหน้าแตกหัก 
                                   (อ.โฆษิต วงค์ปิ่นแก้ว)
 
วันอังคารที่ 16 ธันวาคม 2568
09:00 น. – 10:30 น. การวิเคราะห์ผิวหน้าแตกหักจากการล้า (Analysis of Fatigue Fracture)
                                    กรณีตัวอย่างการวิเคราะห์ผิวหน้าแตกหักจากการล้า
                                     (อ.สยาม แก้วคำไสย์)
10:30 น. – 10:45 น.   พักรับประทานอาหารว่าง
10:45 น. – 12:15 น.     กรณีตัวอย่างการวิเคราะห์ผิวหน้าแตกหักในงานวิเคราะห์ความเสียหาย
                                     (อ.โฆษิต วงค์ปิ่นแก้ว)
12:15 น. – 13:15 น.       พักรับประทานอาหารกลางวัน
13:15 น. – 15:00 น.     ภาคปฏิบัติการวิเคราะห์ผิวหน้าแตกหักพร้อมทำสไลด์  (แบ่งเป็น 5 กลุ่ม)
                                     (อ.นิรุช บุญชู และ อ.ดวงรดา ยุทธกำธร)
15:00 น. – 16:30 น.   นำเสนอการวิเคราะห์ผิวหน้าแตกหักกลุ่มละ 15 นาที 
16:30 น. – 17:00 น.   สรุปผลและมอบใบประกาศนียบัตร
 
การลงทะเบียน
ลงทะเบียนออนไลน์ผ่าน Google form: https://forms.gle/SYemF1ZZb5NMoPa27
 
ค่าลงทะเบียน
บุคคลทั่วไป/เอกชน ราคา 8,453 บาท/ท่าน (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ข้าราชการ/พนักงานองค์กรรัฐ ราคา 7,900 บาท/ท่าน (ไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม)
หมายเหตุ
– อัตราค่าลงทะเบียนรวมค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม อาหารกลางวัน เอกสารประกอบการอบรม 1 ชุด และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
– ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ เป็นหน่วยงานของรัฐ จึงไม่อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องหักภาษี 3%
รับจำนวนจำกัดเพียง 20 ท่านเท่านั้น
 
การชำระค่าลงทะเบียน
โอนเงินเข้าบัญชี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ประเภทออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 080-0-00001-0
สาขาอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย
กรุณาส่งหลักฐานการโอนเงินมาที่อีเมล boonrkk@mtec.or.th
 
   !!! การยกเลิกเข้าร่วมหลักสูตรอบรม !!!
   – กรณีท่านติดภารกิจ สามารถแจ้งยกเลิกล่วงหน้าก่อนวันอบรม “อย่างน้อย 5 วันทำการ (ไม่รวมวันเสาร์ – อาทิตย์)” สวทช. จะไม่คิดค่าปรับจากการดำเนินการ
   – กรณีท่านติดภารกิจ และแจ้งยกเลิกล่วงหน้าก่อนวันอบรม น้อยกว่า 5 วันทำการ สวทช. จะคิดค่าปรับร้อยละ 50 ของราคาค่าลงทะเบียน
 
สมัครและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
นายบุญรักษ์ กาญจนวรวณิชย์
งานพัฒนากำลังคนเทคโนโลยีวัสดุ
ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ
โทรศัพท์ 0 2564 6500 ต่อ 4675 
E-mail : boonrkk@mtec.or.th

The post หลักสูตรอบรม การวิเคราะห์ผิวหน้าแตกหักโลหะภาคปฏิบัติ (วันที่ 15-16 ธันวาคม 2568) appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
คอนกรีตรักษ์โลก ก้าวใหม่สู่อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า https://www.mtec.or.th/stakeholders_perspective-tps-flyashblock/ Tue, 07 Oct 2025 00:47:37 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=40804 การจัดการเถ้าลอยและเถ้าหนักที่เกิดจากกระบวนการผลิตไฟฟ้าเป็นประเด็นท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุข แต่หากมีการวางแผนที่ดี พร้อมกับการส่งเสริมการใช้ซ้ำหรือการรีไซเคิลในภาคอุตสาหกรรม ก็จะเปลี่ยนปัญหาให้เป็นโอกาส

The post คอนกรีตรักษ์โลก ก้าวใหม่สู่อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

คอนกรีตรักษ์โลก ก้าวใหม่สู่อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้
ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

การจัดการเถ้าลอยและเถ้าหนักที่เกิดจากกระบวนการผลิตไฟฟ้าเป็นประเด็นท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุข แต่หากมีการวางแผนที่ดี พร้อมกับการส่งเสริมการใช้ซ้ำหรือการรีไซเคิลในภาคอุตสาหกรรม ก็จะเปลี่ยนปัญหาให้เป็นโอกาส เนื่องจากสามารถสร้างรายได้พร้อมกับลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ในเวลาเดียวกัน

เถ้าลอยและเถ้าหนักเป็นวัสดุพลอยได้ที่มีศักยภาพในการนำกลับมาใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง งานขนส่ง และการปรับปรุงสภาพดิน การใช้เถ้าลอยและเถ้าหนักยังช่วยลดการใช้วัสดุธรรมชาติและลดของเสียที่ต้องฝังกลบ

คอนกรีตบล็อกกลวงไม่รับน้ำหนักและคอนกรีตผสมเสร็จ เกิดจากแนวคิดและความมุ่งมั่นในการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสมของบริษัทสยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด ใน SCGP บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ และได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาและยกระดับสถานประกอบการอุตสาหกรรมเพื่อเชื่อมโยงสู่ตลาดเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อยกระดับสถานประกอบการอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีรีไซเคิลและอัปไซเคิล ภายใต้การกำกับดูแลของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม และ ดร.สิทธิศักดิ์ ประสานพันธ์ และคณะ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาโครงการ

วัตถุดิบของคอนกรีตบล็อกกลวงไม่รับน้ำหนักและคอนกรีตผสมเสร็จประกอบด้วยปูนซีเมนต์ หินฝุ่น ทราย หิน เถ้าลอย และเถ้าหนัก เป้าหมายของงานวิจัยคือ การพัฒนาสูตรของการนำเถ้าลอยและเถ้าหนักเพื่อใช้เป็นองค์ประกอบในสัดส่วนที่มากกว่าเดิม และปรับปรุงสมบัติของวัสดุโดยที่ยังมีสมบัติด้านความแข็งแรงและด้านกายภาพผ่านเกณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรม หากมีการนำผลงานวิจัยไปใช้ ก็ย่อมช่วยลดการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ  

ทีมวิจัยของเอ็มเทคได้ร่วมกับตัวแทนของบริษัทฯ พัฒนาสูตรส่วนผสมคอนกรีตบล็อกกลวงไม่รับน้ำหนัก มีการแทนที่เถ้าหนักด้วยเถ้าลอยมากที่สุดในสัดส่วน 30% โดยมวล ซึ่งผ่านตามเกณฑ์และข้อกำหนดของ มอก. 58-2560 หรือมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสำหรับคอนกรีตบล็อกกลวงไม่รับน้ำหนัก

นอกจากนี้ยังได้พัฒนาสูตรคอนกรีตผสมเสร็จที่มีค่ากำลังอัดดีและสามารถเพิ่มการใช้เถ้าลอยและเถ้าหนักในคอนกรีตผสมเสร็จได้ถึง 30% และ 35% ตามลำดับ ซึ่งผ่านตามเกณฑ์และข้อกำหนดของ มอก. 213-2560 หรือมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมคอนกรีตผสมเสร็จ

ความสำเร็จของโครงการแสดงให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมสามารถนำเถ้าลอยและเถ้าหนักมาใช้ทดแทนวัสดุธรรมชาติในกระบวนการผลิตคอนกรีตผสมเสร็จได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ทั้งยังช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้จัดการทรัพยากรโดยพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ปัจจุบันบริษัทกำลังติดตั้งเครื่องจักรผลิตคอนกรีตบล็อกกลวงไม่รับน้ำหนักเพื่อผลิตและจำหน่าย

สอบถามเพิ่มเติม:
คุณระพีพันธ์ ระหงษ์
งานประสานธุรกิจและอุตสาหกรรม ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
โทรศัพท์: 0 2564 6500 ต่อ 4789
อีเมล: rapeepr@mtec.or.th หรือ
คุณณัฐพงศ์ ณ ลำพูน
กองนวัตกรรมวัตถุดิบและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง กพร.
โทรศัพท์ 0 2430 6842 ต่อ 4211
อีเมล: Nattapong_n@dpim.go.th

The post คอนกรีตรักษ์โลก ก้าวใหม่สู่อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
เอ็มเทค สวทช. ร่วมจัดงาน Kick-Off Workshop in Thailand 2025 ภายใต้โครงการ Asian Life Cycle Inventory (LCI) Database Project https://www.mtec.or.th/mtec-kick-off-workshop-in-thailand-2025/ Fri, 03 Oct 2025 07:20:45 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=40788 วันที่ 2 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ โดย ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ร่วมกับ ... Read more

The post เอ็มเทค สวทช. ร่วมจัดงาน Kick-Off Workshop in Thailand 2025 ภายใต้โครงการ Asian Life Cycle Inventory (LCI) Database Project appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

วันที่ 2 ตุลาคม 2568
ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ)

          สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ โดย ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ร่วมกับ Research Laboratory for IDEA (IDEA Lab), National Institute of Advanced Industrial Science and Technology (AIST) ประเทศญี่ปุ่น และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดงาน Kick-Off Workshop in Thailand 2025 ภายใต้โครงการ Asian Life Cycle Inventory (LCI) Database Project โดยกิจกรรม Workshop ในครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นระยะเวลา 2 วัน (2-3 ต.ค.68) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของการจัดทำชุดข้อมูลที่ครอบคลุมอย่างเป็นระบบ การวางรากฐานของเครือข่ายที่เข้มแข็งในการจัดทำ Life Cycle Inventory และการประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นต์ และการประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment)

           ในช่วงพิธีเปิด ดร.อศิรา เฟื่องฟูชาติ รองผู้อำนวยการเอ็มเทค ได้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมและกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการในฐานะหน่วยงานผู้ร่วมจัดงาน จากนั้น ดร.จิตติ มังคละศิริ หัวหน้าทีมวิจัยพัฒนาฐานข้อมูลตลอดวัฏจักรชีวิตและการประยุกต์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและการค้า สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (TIIS) และรองผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพค.) ได้บรรยายพิเศษในหัวข้อ “Life Cycle Assessment Journey: From Zero to Net Zero Era” โดยในการบรรยาย ดร.จิตติ ได้แบ่งปันแนวคิดในการพัฒนาระบบ Life Cycle Assessment (LCA) ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่ยังขาดข้อมูล (Zero) ไปจนถึงการใช้ LCA เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net Zero อย่างมีระบบ ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นในการสร้างความเข้าใจเชิงลึกด้าน LCA และการวางโครงสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งสำหรับการนำไปใช้จริงในระดับองค์กร อุตสาหกรรม และประเทศ ทั้งในแง่ของการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นต์ การประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ และการสนับสนุนแนวนโยบายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว และ Dr. Kiyotaka Tahara ผู้อำนวยการ IDEA Lab, AIST ได้บรรยายสรุปภาพรวมโครงการ Asian Life Cycle Inventory Database Project ซึ่งกิจกรรม workshop ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 session ประกอบไปด้วยการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของการดำเนินงานด้าน LCA และ LCI ของประเทศ ไทย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย และการแบ่งกลุ่มอภิปรายและสรุปผลร่วมกัน

ซึ่งงานในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 30 คน จากหลากหลายประเทศในเอเชีย ได้แก่ ไทย บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ลาว ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างประเทศในการผลักดันการพัฒนาฐานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของภูมิภาค

The post เอ็มเทค สวทช. ร่วมจัดงาน Kick-Off Workshop in Thailand 2025 ภายใต้โครงการ Asian Life Cycle Inventory (LCI) Database Project appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
เอ็มเทค สวทช. ร่วมหารือการขยายผลการใช้งานเครื่องระบายความร้อนของกังหันไอน้ำโดยการบังคับอากาศ https://www.mtec.or.th/mtec-natural-cooling/ Thu, 02 Oct 2025 09:31:08 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=40768 วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม 2568 ณ โรงไฟฟ้าจะนะ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำโดย ดร.ยศกร ประทุมวัลย์ ... Read more

The post เอ็มเทค สวทช. ร่วมหารือการขยายผลการใช้งานเครื่องระบายความร้อนของกังหันไอน้ำโดยการบังคับอากาศ appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม 2568

ณ โรงไฟฟ้าจะนะ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา

ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำโดย ดร.ยศกร ประทุมวัลย์ และ ดร.สมบูรณ์ โอตรวรรณะ จากทีมวิจัยคอมพิวเตอร์ช่วยในการคำนวณทางวิศวกรรม (CAE Research Team) กลุ่มวิจัยการออกแบบเชิงวิศวกรรมและการคำนวณ ได้ร่วมหารือกับทีมงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เกี่ยวกับการขยายผลการใช้งานเครื่องระบายความร้อนของกังหันไอน้ำโดยการบังคับอากาศ (steam turbine forced cooling) ณ โรงไฟฟ้าจะนะ

เครื่องระบายความร้อนของกังหันไอน้ำถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในกรณีซ่อมบำรุง โดยช่วยให้กังหันไอน้ำซึ่งมีอุณหภูมิทำงานสูงถึงประมาณ 550 องศาเซลเซียส เย็นตัวลงสู่ระดับที่สามารถซ่อมบำรุงได้ราว 150 องศาเซลเซียส ได้อย่างรวดเร็ว หากไม่มีการใช้อุปกรณ์นี้ กังหันไอน้ำจะต้องพึ่งการระบายความร้อนตามธรรมชาติ (natural cooling) ซึ่งใช้เวลานาน ส่งผลให้เสียโอกาสในการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า

โครงการวิจัยและพัฒนาเครื่องระบายความร้อนของกังหันไอน้ำโดยการบังคับอากาศเป็นความร่วมมือระหว่าง กฟผ. และเอ็มเทค โดยเครื่องต้นแบบที่พัฒนาขึ้นได้ผ่านการทดสอบแล้วว่าสามารถช่วยลดระยะเวลาในการทำให้กังหันไอน้ำเย็นตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2565 เครื่องต้นแบบดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้งานจริงที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จังหวัดลำปางอย่างต่อเนื่อง และก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจเชิงบวกต่อการผลิตไฟฟ้ามูลค่าหลายสิบล้านบาทต่อปี

 

การหารือครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการผลักดันนวัตกรรมด้านพลังงานของประเทศ สะท้อนถึงศักยภาพความร่วมมือระหว่างหน่วยงานวิจัยและภาคการผลิตไฟฟ้า ที่มุ่งเน้นการยกระดับประสิทธิภาพการใช้เทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงด้านพลังงานของไทย

The post เอ็มเทค สวทช. ร่วมหารือการขยายผลการใช้งานเครื่องระบายความร้อนของกังหันไอน้ำโดยการบังคับอากาศ appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
MTEC สวทช. ชูนวัตกรรม “Gunther-Rachel-ToiletSense-MediAlarm” ยกระดับความปลอดภัยผู้สูงอายุ https://www.mtec.or.th/mtec-gunther-rachel-toiletsense-medialarm/ Wed, 01 Oct 2025 02:52:05 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=40738 30 กันยายน 2568 – ในโอกาสที่ สวทช. เข้าร่วมงาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) ณ ฮอลล์ 2 โซน ... Read more

The post MTEC สวทช. ชูนวัตกรรม “Gunther-Rachel-ToiletSense-MediAlarm” ยกระดับความปลอดภัยผู้สูงอายุ appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

          30 กันยายน 2568 – ในโอกาสที่ สวทช. เข้าร่วมงาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) ณ ฮอลล์ 2 โซน “Better Me” รศ. ดร.เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผู้อำนวยการเอ็มเทค และ ดร.สิทธิสุนทร สุโพธิณะ รองผู้อำนวยการเอ็มเทค ได้เข้าเยี่ยมชมบูทผลงานเด่นด้านสุขภาพและความปลอดภัยของผู้สูงอายุ ภายในงานครั้งนี้ เอ็มเทค สวทช. ได้นำเสนอชุดนวัตกรรม 4 ผลงานหลักที่ช่วยเสริมความมั่นใจให้ผู้สูงอายุและลดภาระผู้ดูแล ดังนี้

1. Gunther IMU: อุปกรณ์เซนเซอร์ตรวจวัดแบบสวมใส่ขนาดเล็ก ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน Janine เพื่อเสริมความปลอดภัยในการใช้ชีวิตประจำวันแก่ผู้สูงอายุ โดยจะสั่นแจ้งเตือนเมื่อตรวจพบการเคลื่อนไหวผิดท่า เช่น หลังค่อม และแจ้งเตือนฉุกเฉินไปยังผู้ดูแลทันทีที่ตรวจพบการ พลัดตกหกล้ม

2. Rachel รุ่น Everyday: ชุดบอดี้สูทเสริมการเคลื่อนไหวสำหรับผู้สูงอายุ ที่ผสานศาสตร์การออกแบบ สิ่งทอ และการเคลื่อนไหวของมนุษย์ จุดเด่นคือการ เสริมการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณหลัง สะโพก และต้นขา ช่วยเพิ่มความมั่นใจและลด

3. ToiletSense: อุปกรณ์อัจฉริยะตรวจจับการใช้เวลาในห้องน้ำผิดปกติ เป็นผู้ช่วยของผู้ดูแลในการเฝ้าระวังผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามลำพัง โดยจะเรียนรู้พฤติกรรมและเรียนรู้รูปแบบเวลาเข้า/ออก (AI) เพื่อตรวจจับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ เช่น การเข้าห้องน้ำนานผิดปกติ หรือการล้มในห้องน้ำ และแจ้งเตือนไปยังผู้ดูแลทันทีผ่านแอปพลิเคชัน LINE เมื่อพบความผิดปกติ

4. MediAlarm: อุปกรณ์ช่วยเตือนกินยาอัจฉริยะและปุ่มกดขอความช่วยเหลือ อุปกรณ์นี้ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการเรียนรู้พฤติกรรมการกินยาของผู้ใช้งาน และมีระบบแจ้งเตือนเมื่อลืมกินยา นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในการขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน โดยผู้ใช้งานสามารถกดปุ่มเพื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังผู้ดูแลได้ทันที

นอกจากนี้ ยังมีผลงานอื่นๆ ของ สวทชใ ได้แก่ แอปพลิเคชัน “ไทยสุข” (ThaiSook) เพื่อนคู่คิดที่จะทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องง่ายและมีความสุขยิ่งขึ้น และไฮไลท์อย่าง “ส้อมวัดความเค็ม” ที่จะมาปฏิวัติการกินของคุณ ช่วยควบคุมปริมาณโซเดียมในอาหารแต่ละมื้อได้อย่างแม่นยำ

ขอเชิญชวนทุกท่านที่สนใจสัมผัสเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกเพื่อชีวิตที่ดีกว่าได้ที่ ฮอลล์ 2 โซน Better Me ในงาน SX2025 จนถึงวันที่ 5 ตุลาคม 2568 นี้

The post MTEC สวทช. ชูนวัตกรรม “Gunther-Rachel-ToiletSense-MediAlarm” ยกระดับความปลอดภัยผู้สูงอายุ appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>