การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

” ผลงานวิจัยและพัฒนาของเอ็มเทคถือเป็นองค์ความรู้ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินการของ กฟผ. รวมถึงต่อยอดเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับกิจการไฟฟ้าให้ใช้ได้จริง เป็นการยกระดับการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”
ดร.จิราพร ศิริคำ
ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงานวิจัยและพัฒนา
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นรัฐวิสาหกิจที่ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา โดยจัดสรรงบประมาณในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 3 ของกำไรสุทธิในแต่ละปี เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยและพัฒนาภายในประเทศ กรอบงานวิจัยและพัฒนา นวัตกรรม และสิ่งประดิษฐ์ที่ กฟผ. ให้การสนับสนุน มีจำนวน 6 แนวทาง ได้แก่
1. การทดแทนการนำเข้าอะไหล่ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีจากต่างประเทศ
2. การลดความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงสุด (Peak Cut) และ/หรือ การพัฒนาเพื่อส่งเสริมให้ใชพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ
3. การพัฒนาพลังงานใหม่ (New Energy) เพื่อใช้ผลิตไฟฟ้า
4. การเพิ่มประสิทธิภาพ และ/หรือ การลดต้นทุนในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการไฟฟ้า
5. การป้องกันและลดผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการไฟฟ้า
6. การวิจัยเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ชุมชนของประเทศ
ดร.จิราพร กล่าวว่า “กฟผ. เล็งเห็นความสำคัญของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ซึ่งเป็นพลังงานหมุนเวียนจากธรรมชาติที่สะอาดและบริสุทธิ์ ทั้งยังช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศ ด้วยการกระจายสัดส่วนเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าให้มีความสมดุลจึงได้สนับสนุนทุนโครงการวิจัยเรื่องการพัฒนากังหันลมแกนตั้งที่สามารถเริ่มต้นหมุนได้ด้วยตัวเองเพื่อใช้ผลิตไฟฟ้า ดำเนินการโดยเอ็มเทค โครงการฯ นี้จะช่วยสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการพัฒนา
พลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย การติดตามเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อก้าวผ่านข้อจำกัดต่างๆ ในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจนสำเร็จ”
“ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา (พ.ศ. 2560) กฟผ. ได้จัดพิธียกเสากังหันลมต้นแรก ‘โครงการกังหันลมผลิตไฟฟ้าลำตะคอง ระยะที่ 2’ ณ อ่างพักน้ำตอนบนโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา อำเภอสีคิ้ว และอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ขนาดกำลังผลิตสุทธิ 24 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยกังหันลมความเร็วต่ำจำนวน 12 ต้น มีวงเงินงบประมาณกว่า 1.4 ล้านบาท พรอ้มทั้งมีการนำระบบพัฒนาเสถียรภาพในการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลม (Wind Hydrogen Hybrid) เพื่อกักเก็บพลังงานไฟฟ้าจากกังหันลมในรูปของก๊าซไฮโดรเจนและใช้ระบบเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) แปลงกลับเป็นพลังงานไฟฟ้าสำหรับรองรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนให้มีความมั่นคงและเสถียรภาพ
ต้นแบบกังหันลมแกนตั้งจากโครงการวิจัยนี้ถูกทดสอบการใช้งาน ณ สถานีพลังงานทดแทนแหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ต เพื่อเก็บข้อมูลความเร็วลม ความเร็วรอบกังหัน พฤติกรรมการหมุนของกังหัน และอื่นๆ สำหรับนำมาวิเคราะห์และปรับปรุงต้นแบบกังหันลมแกนตั้งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น” ดร.จิราพร กล่าวถึงการนำต้นแบบไปใช้งาน
เมื่อถามทัศนะถึงงานวิจัยนี้ว่ามีประโยชน์ หรือช่วยเพิ่มขีดความสามารถของ กฟผ. อย่างไร ดร.จิราพร อธิบายว่า
“ในอดีตประเทศไทยมีการผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทนจากกังหันลมชนิดแกนนอนมาอย่างต่อเนื่อง กฟผ. ได้ติดตั้งกังหันลมชนิดแกนนอนในหลายพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านพลังงานลม เช่น สถานีพลังงานทดแทน แหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ต และอ่างพักน้ำตอนบนโรงไฟฟ้าลำตะคอง ชลภาวัฒนา จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งแต่ละพื้นที่มีความเร็วลมเฉลี่ยประมาณ 4 เมตรต่อวินาที และ 5-6 เมตรต่อวินาที ตามลำดับ
โครงการวิจัยนี้ได้ศึกษาแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพต้นแบบกังหันลมชนิดแกนตั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนากังหันลมแกนตั้งความเร็วต่ำที่ทำงานในช่วง 3-8 เมตรต่อวินาที เพื่อเพิ่มทางเลือกของการผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทนให้มีศักยภาพและเหมาะสมสำหรับประเทศไทย อีกทั้งยังพัฒนาใหกั้งหันลมเริ่มต้นหมุนด้วยตัวเองที่ความเร็วลม 3 เมตรต่อวินาที ทำให้ กฟผ. ได้รับองค์ความรู้ใหม่ที่สามารถใช้เป็นพื้นฐานการปรับปรุงประสิทธิภาพของกังหันลมเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าในอนาคต”
ดร.จิราพร กล่าวทิ้งท้ายว่า “วิสัยทัศน์ของ กฟผ. มุ่งเน้นที่การสร้างนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าเพื่อชีวิตที่ดีกว่าซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเอ็มเทคที่ดำเนินการส่งเสริม สนับสนุน ดำเนินการวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่และประยุกต์ใช้เพื่อการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน ผลงานวิจัยและพัฒนาของเอ็มเทคถือเป็นองค์ความรู้ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินการของ กฟผ. รวมถึงต่อยอดเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับกิจการไฟฟ้าให้ใช้ได้จริง เป็นการยกระดับการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”