stakeholders-perspective Archives - MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ https://www.mtec.or.th/category/stakeholders-perspective/ National Metal and Materials Technology Center Mon, 20 Oct 2025 00:43:25 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.3 https://www.mtec.or.th/wp-content/uploads/2019/03/favicon.ico stakeholders-perspective Archives - MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ https://www.mtec.or.th/category/stakeholders-perspective/ 32 32 จาก ‘ของเสียอุตสาหกรรม’ สู่ ‘คอนกรีตบล็อกคุณภาพมาตรฐาน’ https://www.mtec.or.th/stakeholders_perspective-tps-mr-separator/ Mon, 20 Oct 2025 00:36:03 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=40944 ปี 2566 ประเทศไทยมีกากของเสียอุตสาหกรรมรวม 19.82 ล้านตัน แบ่งเป็นของเสียไม่อันตราย 18.69 ล้านตัน และของเสียอันตราย 1.13 ล้านตัน การจัดการกากของเสียอุตสาหกรรมเหล่านี้ ส่วนใหญ่ใช้วิธีการฝังกลบหรือเผาทำลาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

The post จาก ‘ของเสียอุตสาหกรรม’ สู่ ‘คอนกรีตบล็อกคุณภาพมาตรฐาน’ appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

ยกระดับ ‘กากซิโตรยิปซัม’ สู่ ‘วัตถุดิบ’ สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง

สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้
ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

ปี 2566 ประเทศไทยมีกากของเสียอุตสาหกรรมรวม 19.82 ล้านตัน แบ่งเป็นของเสียไม่อันตราย 18.69 ล้านตัน และของเสียอันตราย 1.13 ล้านตัน การจัดการกากของเสียอุตสาหกรรมเหล่านี้ ส่วนใหญ่ใช้วิธีการฝังกลบหรือเผาทำลาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นภาระต่อการจัดการในระยะยาว

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม มีภารกิจหลักในการจัดหาและบริหารจัดการวัตถุดิบ ทั้งจากแหล่งแร่ธรรมชาติ และวัตถุดิบทดแทนที่ได้จากการรีไซเคิลขยะหรือของเสีย จึงได้ริเริ่มโครงการพัฒนาและยกระดับสถานประกอบการอุตสาหกรรมเพื่อเชื่อมโยงสู่ตลาดเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี

โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับสถานประกอบการอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีรีไซเคิลและอัปไซเคิล โดยมีศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นที่ปรึกษาโครงการ และมีห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ็ม อาร์. เซพพาเรทเตอร์ เข้าร่วมโครงการ

ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ็ม อาร์. เซพพาเรทเตอร์ เป็นผู้ประกอบกิจการโรงงานประเภท รง.105, 106 รับจัดการ คัดแยกกากของเสียอุตสาหกรรมประเภทของเสียไม่อันตราย รวมไปถึงผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการใช้ประโยชน์กากของเสียอุตสาหกรรมที่รับเข้ามาจัดการ เช่น เชื้อเพลิง RDF และสารปรับปรุงดิน

ห้างหุ้นส่วนจำกัดฯ มีกากอุตสาหกรรม เช่น เถ้าหนัก เถ้าลอย ทรายหล่อแบบใช้แล้ว รวมถึงกากอุตสาหกรรมต่างๆ จึงต้องการเพิ่มมูลค่ากากอุตสาหกรรมเหล่านี้ โดยนำกลับมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตคอนกรีตบล็อก เพื่อทดแทนปูนซีเมนต์ และมวลรวมจากธรรมชาติ

แม้ว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดฯ จะมีความพร้อมด้านสถานที่ แรงงาน และมีประสบการณ์ในการผลิตคอนกรีตบล็อก แต่เป็นการผลิตโดยอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้ปฏิบัติงานจึงไม่มีสูตรการผลิตที่แน่นอน อีกทั้งกากอุตสาหกรรมที่นำมาใช้ก็มีองค์ประกอบทางเคมีค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งย่อมส่งผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้

ทีมที่ปรึกษาจึงดำเนินการวิจัยและพัฒนา โดยปรับปรุงสูตรการผลิตให้เหมาะสมกับกากอุตสาหกรรมแต่ละชนิด เพื่อให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสม่ำเสมอและมีสมบัติสอดคล้องกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

ทีมที่ปรึกษายังให้ข้อเสนอแนะแก่โรงงานในการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้มีมาตรฐานและมีการควบคุมคุณภาพ รวมถึงใช้สูตรการผลิตที่เหมาะสมกับกากอุตสาหกรรมแต่ละชนิด

ผลลัพธ์ที่ได้จากโครงการนี้ได้ช่วยให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนการผลิตได้ 5.29-19.78% นำความรู้เชิงวิชาการไปต่อยอดการผลิตคอนกรีตบล็อกให้มีคุณภาพดีขึ้น เพิ่มความสามารถในแข่งขัน อีกทั้งยังลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

สอบถามเพิ่มเติม:
คุณระพีพันธ์ ระหงษ์
งานประสานธุรกิจและอุตสาหกรรม ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
โทรศัพท์: 0 2564 6500 ต่อ 4789
อีเมล: rapeepr@mtec.or.th หรือ
คุณณัฐพงศ์ ณ ลำพูน
กองนวัตกรรมวัตถุดิบและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง กพร.
โทรศัพท์ 0 2430 6842 ต่อ 4211
อีเมล: Nattapong_n@dpim.go.th

The post จาก ‘ของเสียอุตสาหกรรม’ สู่ ‘คอนกรีตบล็อกคุณภาพมาตรฐาน’ appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
ยกระดับ ‘กากซิโตรยิปซัม’ สู่ ‘วัตถุดิบ’ สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง https://www.mtec.or.th/stakeholders_perspective-tps-citro-gypsum/ Thu, 09 Oct 2025 04:41:55 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=40845 เศรษฐกิจแบบเส้นตรง (Linear economy) ซึ่งเน้นการผลิต-บริโภค-ทิ้ง ได้สร้างผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะใช้ทรัพยากรอย่างไม่คุ้มค่า ทำให้เกิดขยะปริมาณมาก ทั้งยังแฝงต้นทุนการจัดการสิ่งแวดล้อมไว้ด้วย หลายประเทศทั่วโลกจึงให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy)

The post ยกระดับ ‘กากซิโตรยิปซัม’ สู่ ‘วัตถุดิบ’ สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

ยกระดับ ‘กากซิโตรยิปซัม’ สู่ ‘วัตถุดิบ’ สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง

สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้
ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

เศรษฐกิจแบบเส้นตรง (Linear economy) ซึ่งเน้นการผลิต-บริโภค-ทิ้ง ได้สร้างผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะใช้ทรัพยากรอย่างไม่คุ้มค่า ทำให้เกิดขยะปริมาณมาก ทั้งยังแฝงต้นทุนการจัดการสิ่งแวดล้อมไว้ด้วย หลายประเทศทั่วโลกจึงให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy) ซึ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม มีนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยมีภารกิจหลักคือการจัดหาและบริหารจัดการวัตถุดิบ ทั้งจากแหล่งแร่ธรรมชาติ และวัตถุดิบทดแทนที่ได้จากการรีไซเคิลขยะหรือของเสีย เพื่อให้การใช้ทรัพยากรเป็นไปอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์และมูลค่าเพิ่มสูงสุด และลดของเสียให้เหลือน้อยที่สุด ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้ประกอบการไทย

กพร. ได้ดำเนิน ‘โครงการพัฒนาและยกระดับสถานประกอบการอุตสาหกรรมเพื่อเชื่อมโยงสู่ตลาดเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี’ ซึ่งจะช่วยยกระดับผู้ประกอบด้วยเทคโนโลยีรีไซเคิล (Recycle) และอัปไซเคิล (Upcycle) โดยมีศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) เป็นที่ปรึกษาโครงการ

บริษัท ไทยซิตริกแอซิด จำกัด เป็นบริษัทหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกรดมะนาวโดยมีเจ้าของกิจการเป็นคนไทย บริษัทฯ มีขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดใหม่ และมุ่งประยุกต์เทคโนโลยีเพื่อสร้างนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินธุรกิจแบบ Zero Waste ซึ่งมุ่งใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดของเสีย และส่งเสริมการนำวัสดุพลอยได้ในกระบวนการผลิตกลับมาใช้ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน

วัสดุพลอยได้ที่เกิดจากกระบวนการผลิตกรดมะนาวคือ ซิโตรยิปซัม (Citro-gypsum) บริษัทฯ  จึงต้องการพัฒนากระบวนการปรับปรุงซิโตรยิปซัมให้มีคุณภาพดีกว่าเดิม เพื่อนำไปใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ยิปซัมบอร์ด แผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้าง นอกจากนี้ยังอาจนำไปใช้ทดแทนแร่ยิปซัมธรรมชาติที่คาดว่าจะขาดแคลนในอีก 30 ปีข้างหน้าได้อีกด้วย

ทีมวิจัยได้ลงพื้นที่เพื่อประเมินขอบเขตการพัฒนาและศึกษาบริบทที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจึงกำหนดกลยุทธ์การดําเนินงาน โดยเสนอให้ปรับปรุงคุณภาพกากซิโตรยิปซัมด้วยวิธีทางกายภาพ ทางเคมี และทางความร้อน

ทีมวิจัยร่วมกับบริษัทฯ พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงคุณภาพซิโตรยิปซัมให้มีสมบัติใกล้เคียงกับยิปซัมธรรมชาติ มีรูปแบบพร้อมใช้งาน และใช้กับกระบวนการผลิตกรดมะนาวของบริษัทฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ บริษัทฯ สามารถปรับใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีอยู่ ไม่ต้องลงทุนซื้อใหม่

โครงการนี้ช่วยให้บริษัท ไทยซิตริกแอซิด จำกัด มีเทคโนโลยีปรับปรุงคุณภาพกากซิโตรยิปซัม ลดปริมาณและภาระในการจัดการกากซิโตรยิปซัม ทั้งยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจําหน่ายผลิตภัณฑ์ยิปซัมสังเคราะห์ นับเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันไปพร้อมกัน

สอบถามเพิ่มเติม:
คุณระพีพันธ์ ระหงษ์
งานประสานธุรกิจและอุตสาหกรรม ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
โทรศัพท์: 0 2564 6500 ต่อ 4789
อีเมล: rapeepr@mtec.or.th หรือ
คุณณัฐพงศ์ ณ ลำพูน
กองนวัตกรรมวัตถุดิบและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง กพร.
โทรศัพท์ 0 2430 6842 ต่อ 4211
อีเมล: Nattapong_n@dpim.go.th

The post ยกระดับ ‘กากซิโตรยิปซัม’ สู่ ‘วัตถุดิบ’ สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
คอนกรีตรักษ์โลก ก้าวใหม่สู่อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า https://www.mtec.or.th/stakeholders_perspective-tps-flyashblock/ Tue, 07 Oct 2025 00:47:37 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=40804 การจัดการเถ้าลอยและเถ้าหนักที่เกิดจากกระบวนการผลิตไฟฟ้าเป็นประเด็นท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุข แต่หากมีการวางแผนที่ดี พร้อมกับการส่งเสริมการใช้ซ้ำหรือการรีไซเคิลในภาคอุตสาหกรรม ก็จะเปลี่ยนปัญหาให้เป็นโอกาส

The post คอนกรีตรักษ์โลก ก้าวใหม่สู่อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

คอนกรีตรักษ์โลก ก้าวใหม่สู่อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้
ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

การจัดการเถ้าลอยและเถ้าหนักที่เกิดจากกระบวนการผลิตไฟฟ้าเป็นประเด็นท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุข แต่หากมีการวางแผนที่ดี พร้อมกับการส่งเสริมการใช้ซ้ำหรือการรีไซเคิลในภาคอุตสาหกรรม ก็จะเปลี่ยนปัญหาให้เป็นโอกาส เนื่องจากสามารถสร้างรายได้พร้อมกับลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ในเวลาเดียวกัน

เถ้าลอยและเถ้าหนักเป็นวัสดุพลอยได้ที่มีศักยภาพในการนำกลับมาใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง งานขนส่ง และการปรับปรุงสภาพดิน การใช้เถ้าลอยและเถ้าหนักยังช่วยลดการใช้วัสดุธรรมชาติและลดของเสียที่ต้องฝังกลบ

คอนกรีตบล็อกกลวงไม่รับน้ำหนักและคอนกรีตผสมเสร็จ เกิดจากแนวคิดและความมุ่งมั่นในการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสมของบริษัทสยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด ใน SCGP บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ และได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาและยกระดับสถานประกอบการอุตสาหกรรมเพื่อเชื่อมโยงสู่ตลาดเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อยกระดับสถานประกอบการอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีรีไซเคิลและอัปไซเคิล ภายใต้การกำกับดูแลของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม และ ดร.สิทธิศักดิ์ ประสานพันธ์ และคณะ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาโครงการ

วัตถุดิบของคอนกรีตบล็อกกลวงไม่รับน้ำหนักและคอนกรีตผสมเสร็จประกอบด้วยปูนซีเมนต์ หินฝุ่น ทราย หิน เถ้าลอย และเถ้าหนัก เป้าหมายของงานวิจัยคือ การพัฒนาสูตรของการนำเถ้าลอยและเถ้าหนักเพื่อใช้เป็นองค์ประกอบในสัดส่วนที่มากกว่าเดิม และปรับปรุงสมบัติของวัสดุโดยที่ยังมีสมบัติด้านความแข็งแรงและด้านกายภาพผ่านเกณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรม หากมีการนำผลงานวิจัยไปใช้ ก็ย่อมช่วยลดการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ  

ทีมวิจัยของเอ็มเทคได้ร่วมกับตัวแทนของบริษัทฯ พัฒนาสูตรส่วนผสมคอนกรีตบล็อกกลวงไม่รับน้ำหนัก มีการแทนที่เถ้าหนักด้วยเถ้าลอยมากที่สุดในสัดส่วน 30% โดยมวล ซึ่งผ่านตามเกณฑ์และข้อกำหนดของ มอก. 58-2560 หรือมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสำหรับคอนกรีตบล็อกกลวงไม่รับน้ำหนัก

นอกจากนี้ยังได้พัฒนาสูตรคอนกรีตผสมเสร็จที่มีค่ากำลังอัดดีและสามารถเพิ่มการใช้เถ้าลอยและเถ้าหนักในคอนกรีตผสมเสร็จได้ถึง 30% และ 35% ตามลำดับ ซึ่งผ่านตามเกณฑ์และข้อกำหนดของ มอก. 213-2560 หรือมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมคอนกรีตผสมเสร็จ

ความสำเร็จของโครงการแสดงให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมสามารถนำเถ้าลอยและเถ้าหนักมาใช้ทดแทนวัสดุธรรมชาติในกระบวนการผลิตคอนกรีตผสมเสร็จได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ทั้งยังช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้จัดการทรัพยากรโดยพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ปัจจุบันบริษัทกำลังติดตั้งเครื่องจักรผลิตคอนกรีตบล็อกกลวงไม่รับน้ำหนักเพื่อผลิตและจำหน่าย

สอบถามเพิ่มเติม:
คุณระพีพันธ์ ระหงษ์
งานประสานธุรกิจและอุตสาหกรรม ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
โทรศัพท์: 0 2564 6500 ต่อ 4789
อีเมล: rapeepr@mtec.or.th หรือ
คุณณัฐพงศ์ ณ ลำพูน
กองนวัตกรรมวัตถุดิบและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง กพร.
โทรศัพท์ 0 2430 6842 ต่อ 4211
อีเมล: Nattapong_n@dpim.go.th

The post คอนกรีตรักษ์โลก ก้าวใหม่สู่อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
การส่งเสริมเพิ่มธุรกิจฐานนวัตกรรมอาหารเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี https://www.mtec.or.th/stakeholders_perspective-tps-auromex/ Thu, 21 Aug 2025 04:24:49 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=39860 ปัจจุบันการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น อาหารจากโปรตีนพืช ได้รับความนิยมมากขึ้น อุตสาหกรรมอาหารได้ให้ความสำคัญกับการวิจัย พัฒนา และเทคโนโลยี โดยมีการเติบโตต่อเนื่องควบคู่ไปกับเทรนด์รักสุขภาพ ดูแลสิ่งแวดล้อม

The post การส่งเสริมเพิ่มธุรกิจฐานนวัตกรรมอาหารเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

การส่งเสริมเพิ่มธุรกิจฐานนวัตกรรมอาหารเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี

สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้
ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

ปัจจุบันการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น อาหารจากโปรตีนพืช ได้รับความนิยมมากขึ้น  อุตสาหกรรมอาหารได้ให้ความสำคัญกับการวิจัย พัฒนา และเทคโนโลยี โดยมีการเติบโตต่อเนื่องควบคู่ไปกับเทรนด์รักสุขภาพ ดูแลสิ่งแวดล้อม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอาหาร ทัศนคติของผู้บริโภคยุคใหม่ รวมทั้งความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของมนุษย์ในภาพรวม

การบริโภคโปรตีนจากพืชเพื่อทดแทนโปรตีนจากสัตว์เป็นกลไกหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ทีมวิจัยวัสดุศาสตร์อาหาร ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ เอ็มเทค สวทช. มุ่งพัฒนาอาหารที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน โดยใช้ความรู้ด้านวัสดุศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ในการออกแบบและพัฒนาโครงสร้างของอาหาร

ผลิตภัณฑ์หนึ่งจากฝีมือของทีมวิจัยฯ คือ เนื้อไก่แบบผงสำเร็จรูป (premix) ปราศจากกลูเตนซึ่งผลิตจากโปรตีนพืช ผลิตภัณฑ์นี้มีเนื้อสัมผัสและรสชาติใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์จริง  ทั้งนี้บริษัท ออโรเม็กซ์ จำกัด ได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีและต่อยอดสู่การเข้าร่วมโครงการ “ยกระดับนวัตกรรมฐานวัสดุสู่ตลาดชั้นนำ เพื่อการเติบโตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” โดยได้รับทุนจาก บพข. แผนงานวิจัย แผนงานพัฒนาและส่งเสริมให้ประเทศเพิ่มธุรกิจฐานนวัตกรรม (Innovation driven enterprises: IDEs) ขนาดใหญ่  

บริษัทดำเนินธุรกิจด้วยนวัตกรรม และมี Business Unit สำคัญเกี่ยวกับการผลิตและจัดจำหน่ายวัตถุเจือปนอาหารและวัตถุดิบที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร บริษัทฯ มุ่งเน้นคุณภาพของผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานสากล เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ผลิตอาหารในประเทศและต่างประเทศ อันเป็นที่มาของการรับถ่ายทอดเทคโนโลยีจากเอ็มเทค

ผลิตภัณฑ์ผงปรับปรุงเนื้อสัมผัสข้าว ช่วยลดการสูญเสียน้ำ (texture Improver) ที่เติมในขั้นตอนการหุงข้าว ทำให้ข้าวกล่องหรืออาหารพร้อมรับประทานซึ่งเมื่ออุ่นร้อนด้วยไมโครเวฟแล้วมีคุณภาพเนื้อสัมผัสนุ่มชุ่มชื้นเป็นธรรมชาติ น่ารับประทาน

ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ร่วมกับทีมวิจัยวัสดุศาสตร์อาหาร เอ็มเทค เป็นที่ปรึกษาและสนับสนุนบริษัทฯ เพิ่มนวัตกรรมใหม่ ทั้งด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมตลาด และนวัตกรรมองค์กร เพื่อสร้างการเติบโตแบบยั่งยืน และเพิ่มยอดขายแบบก้าวกระโดด  ทีมงานของเอ็มเทคยังสามารถให้คำปรึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สารปรับปรุงเนื้อสัมผัส เพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบของสังคมไทยและอีกหลายประเทศในเอเชีย

โครงการ “ยกระดับนวัตกรรมฐานวัสดุสู่ตลาดชั้นนำ เพื่อการเติบโตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” มีกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ การจัดทำแผนกลยุทธ์ธุรกิจและแผนปฏิบัติการ และการกำหนดทิศทางเป้าหมายใน 5 ปี ข้างหน้า รวมถึงการให้คำปรึกษาวิเคราะห์ทดสอบผลิตภัณฑ์สารปรับปรุงเนื้อสัมผัส  การพัฒนาเว็บไซต์เพื่อรองรับลูกค้าทั้งแบบ B2B (Business to Business) และแบบ B2C (Business to Consumer) ภายใต้การดำเนินงานของโครงการในปี 2 เพื่อสนับสนุนให้บริษัทมียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เข้าสู่ธุรกิจพันล้านด้วยนวัตกรรม

สอบถามเพิ่มเติม:
คุณระพีพันธ์ ระหงษ์
งานประสานธุรกิจและอุตสาหกรรม ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
โทรศัพท์: 0 2564 6500 ต่อ 4789
อีเมล: rapeepr@mtec.or.th

The post การส่งเสริมเพิ่มธุรกิจฐานนวัตกรรมอาหารเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
ยกระดับอุตสาหกรรมไม้และเฟอร์นิเจอร์ไทยเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน https://www.mtec.or.th/stakeholders_perspective-tps-garden/ Wed, 13 Aug 2025 07:17:07 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=39684 ภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น การยกระดับความสามารถของภาคเอกชนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม จึงเปรียบเสมือนการติดอาวุธ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ และมีศักยภาพในการแข่งขันในเวทีโลก

The post ยกระดับอุตสาหกรรมไม้และเฟอร์นิเจอร์ไทยเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

ยกระดับอุตสาหกรรมไม้และเฟอร์นิเจอร์ไทยเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้
ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

ภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น การยกระดับความสามารถของภาคเอกชนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม จึงเปรียบเสมือนการติดอาวุธ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ และมีศักยภาพในการแข่งขันในเวทีโลก นำมาซึ่งการเติบโตของธุรกิจแบบก้าวกระโดดอย่างยั่งยืน

ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. ได้รับทุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ในการดำเนินแผนงานพัฒนาและส่งเสริมให้ประเทศเพิ่มธุรกิจฐานนวัตกรรม (Innovation driven enterprises: IDEs) ผ่านกลไกความร่วมมือและร่วมพัฒนากับองค์กรหรือบุคคลในเครือข่ายการพัฒนานวัตกรรม 

บริษัท ทีพีเอส การ์เด้น เฟอร์นิเจอร์ จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไม้ซุง ไม้สัก ไม้สักแปรรูป เฟอร์นิเจอร์ไม้สัก และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ แบบครบวงจร ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เป็นบริษัทหนึ่งที่เข้าร่วมในแผนงานนี้   

บริษัทฯ ต้องการเพิ่มยอดขายในประเทศ พัฒนาศักยภาพของบุคลากร สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างยาวนาน สร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มการปลูกป่า เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในอนาคต และก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านโซลูชันงานไม้ เฟอร์นิเจอร์คุณภาพสูง และการตกแต่งภายในแบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์หลักในการรักษาตลาดส่งออกไม้แปรรูป เพิ่มรายได้จากการให้บริการโซลูชันงานไม้ และเฟอร์นิเจอร์ไม้ครบวงจรในประเทศ

ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ เอ็มเทค ได้มีส่วนในการทำแผนธุรกิจของบริษัทฯ วิเคราะห์ประเด็นที่ควรเสริมศักยภาพ และเสาะหาที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญเชิงลึกในมิติต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดไปได้

การส่งเสริมด้านนวัตกรรมได้มุ่งเน้นในหลายมิติ ได้แก่ นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ได้แนะนำทีมวิจัยวิศวกรรมไม้เพื่อความยั่งยืน เอ็มเทค เพื่อเป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น การเลือกเครื่องจักร การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าไม้สัก และการทดสอบสมบัติที่สำคัญ ซึ่งจะสามารถผลักดันให้เกิดการสร้างตลาดใหม่และรายได้ให้กับองค์กรได้อย่างต่อเนื่อง

ด้านนวัตกรรมการตลาด ได้แนะนำผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ การจัดการโครงสร้างและความสัมพันธ์ของแบรนด์ทั้งหมดภายในบริษัทให้เป็นระบบและสอดคล้องกัน

ด้านนวัตกรรมองค์กร มีการจัดอบรมพัฒนาทักษะการขายแบบที่ปรึกษา และด้านนวัตกรรมกระบวนการ ได้ออกแบบขั้นตอนและกระบวนการทางธุรกิจที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เป็นมาตรฐาน เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะนำระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning, ERP) มาใช้ และการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนปลูกป่าสักและโมเดลแพลตฟอร์มปลูกป่าผสมผสานเชิงเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ยังเกิดความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเอ็มเทค ภายใต้โครงการการจัดทำมาตรการรองรับการกีดกันทางการค้าด้วยข้อกฎหมายด้านการนำเข้าสินค้าที่มีส่วนในการตัดไม้ทำลายป่า EUDR (EU Deforestation Regulation) ระดับประเทศ เพื่อประโยชน์ในภาพรวมของอุตสาหกรรมไม้

สอบถามเพิ่มเติม:
คุณระพีพันธ์ ระหงษ์
งานประสานธุรกิจและอุตสาหกรรม ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
โทรศัพท์: 0 2564 6500 ต่อ 4789
อีเมล: rapeepr@mtec.or.th

The post ยกระดับอุตสาหกรรมไม้และเฟอร์นิเจอร์ไทยเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
นวัตกรรม ‘รถพยาบาลรุ่นใหม่’ จากชิ้นส่วนประกอบสำเร็จรูป https://www.mtec.or.th/stakeholders_perspective-suprera/ Tue, 05 Aug 2025 01:03:04 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=39616 รถตู้พยาบาลเป็นรถเฉพาะกิจที่พัฒนาขึ้นเพื่อขนย้ายผู้ป่วยจากจุดที่ต้องการไปยังโรงพยาบาล โดยบุคลากรทางการแพทย์สามารถทำหัตถการฉุกเฉินบนรถเพื่อรักษาชีวิตผู้ป่วยในระหว่างการนำส่งได้

The post นวัตกรรม ‘รถพยาบาลรุ่นใหม่’ จากชิ้นส่วนประกอบสำเร็จรูป appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

นวัตกรรม ‘รถพยาบาลรุ่นใหม่’ จากชิ้นส่วนประกอบสำเร็จรูป

สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้
ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

รถตู้พยาบาลเป็นรถเฉพาะกิจที่พัฒนาขึ้นเพื่อขนย้ายผู้ป่วยจากจุดที่ต้องการไปยังโรงพยาบาล โดยบุคลากรทางการแพทย์สามารถทำหัตถการฉุกเฉินบนรถเพื่อรักษาชีวิตผู้ป่วยในระหว่างการนำส่งได้

อย่างไรก็ดี โครงสร้างห้องโดยสารของรถตู้พยาบาลที่ใช้กันอยู่แต่เดิมได้รับการดัดแปลงจากรถตู้พาณิชย์โดยผู้ผลิตรถเฉพาะทาง โดยยังมีจุดอ่อนหรือข้อจำกัดในด้านต่างๆ ไม่ว่าเทคโนโลยี ต้นทุนการผลิต รวมทั้งการที่ยังไม่มีเกณฑ์ควบคุมความปลอดภัยที่ชัดเจน

ด้วยเหตุนี้ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. จึงร่วมกับบริษัท สุพรีร่า อินโนเวชั่น จำกัด บริษัทสตาร์ทอัพ นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ออกแบบสร้างสรรค์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์ด้วยฝีมือคนไทย

การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการให้กลายเป็นผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรม ดำเนินการภายใต้โครงการรับจ้างวิจัยของเอ็มเทคร่วมกับบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ “ยกระดับนวัตกรรมฐานวัสดุสู่ตลาดชั้นนำ เพื่อการเติบโตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” โดยได้รับทุนจาก บพข. แผนงานวิจัย แผนงานพัฒนาและส่งเสริมให้ประเทศเพิ่มธุรกิจฐานนวัตกรรม (Innovation Driven Enterprises: IDEs) ขนาดใหญ่

การดำเนินงานได้ก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในด้านความสามารถในกระบวนการผลิต ทีมนักวิจัยของกลุ่มวิจัยการออกแบบเชิงวิศวกรรมและการคำนวณและฝ่ายพัฒนาธุรกิจได้ร่วมกันผลักดันการวิจัยและพัฒนาการขึ้นรูปรถพยาบาลรุ่นใหม่ด้วยนวัตกรรมการออกแบบชิ้นส่วนสำเร็จรูป (prefabrication design) เสริมกับการออกแบบที่ใช้หลักที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้ (Human-Centered Design: HCD) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่ และเพิ่มความปลอดภัยให้แก่คนไข้และบุคลากรทางการแพทย์

โครงการได้ทำกิจกรรมต่างๆ ที่สำคัญ ได้แก่ พัฒนาผลิตภัณฑ์รถรุ่นใหม่ (product innovation) และ กระบวนการผลิตใหม่ (process innovation) ซึ่งช่วยลดเวลา ลดต้นทุน และสร้างแบรนด์ให้เกิดการรับรู้ในตลาดใหม่ทั้งในและต่างประเทศ

นอกจากนี้ โครงการยังจัดอบรมความรู้ด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาให้แก่องค์กรนวัตกรรมของบริษัท และช่วยสนับสนุนยื่นจดทรัพย์สินทางปัญญากระบวนการ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดส่งออก

โครงการประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย เนื่องจากช่วยลดต้นทุนการผลิตรถพยาบาลได้ 20% จากการลดจำนวนคนงานในการผลิต และลดระยะเวลาการผลิตลง 43% จาก 7 วัน เหลือ 4 วัน ต่อคัน ทำให้กำลังการผลิตมากขึ้น และมีเป้าหมายเข้าสู่ตลาด Basic Life Support (BLS) ซึ่งมีปริมาณความต้องการใช้ที่สูงกว่า อีกทั้งยังสามารถส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องการใช้รถพยาบาลที่มีคุณภาพและปลอดภัย

นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังสนับสนุนการขยายบริการจากผู้ผลิตไปสู่ผู้ให้บริการ “Smart Tele-medicine Platform” ตาม Vision ขององค์กรที่ว่า “เราจะเป็นผู้นำในธุรกิจบริการจัดส่งและดูแลสุขภาพผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้สูงวัย”

สอบถามเพิ่มเติม:
คุณระพีพันธ์ ระหงษ์
งานประสานธุรกิจและอุตสาหกรรม ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
โทรศัพท์: 0 2564 6500 ต่อ 4789
อีเมล: rapeepr@mtec.or.th

The post นวัตกรรม ‘รถพยาบาลรุ่นใหม่’ จากชิ้นส่วนประกอบสำเร็จรูป appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
บริษัท สิทธิพรพาณิชย์ จำกัด https://www.mtec.or.th/stakeholders_perspective-sitthipornpanich/ Wed, 25 Dec 2024 08:57:15 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=33625 บริษัท สิทธิพรพาณิชย์ จำกัด “แม้ว่าจะเรียนทำรองเท้ามาจากอิตาลี แต่ลูกค้าที่มีกำลังซื้ออาจยังไม่เชื่อมั่น การทำให้ลูกค้าหันมาสนใจแบรนด์ของเราจึงต้องมีนวัตกรรม เพื่อสร้างจุดขายที่แตกต่างในตลาด” คุณคงเดช สิทธิสุพร กรรมการ บริษัท สิทธิพรพาณิชย์ จำกัด สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดยงานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้ ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ ... Read more

The post บริษัท สิทธิพรพาณิชย์ จำกัด appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

บริษัท สิทธิพรพาณิชย์ จำกัด

“แม้ว่าจะเรียนทำรองเท้ามาจากอิตาลี แต่ลูกค้าที่มีกำลังซื้ออาจยังไม่เชื่อมั่น การทำให้ลูกค้าหันมาสนใจแบรนด์ของเรา
จึงต้องมีนวัตกรรม เพื่อสร้างจุดขายที่แตกต่างในตลาด”

คุณคงเดช สิทธิสุพร กรรมการ บริษัท สิทธิพรพาณิชย์ จำกัด

สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้
ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

บริษัท สิทธิพรพาณิชย์ จำกัด ผลิตรองเท้าแบรนด์ THREE Shoes รองเท้าหนังสัญชาติไทยสไตล์อิตาเลียนแบบ MTO หรือ Made to Order โดยการตัดเย็บรองเท้าจะวัดขนาดเท้าและเลือกออปชันต่างๆ ก่อน เพื่อให้ได้รองเท้าที่มีขนาดและรูปร่างเหมาะสมกับสรีระของฝ่าเท้า และตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด

คุณคงเดช สิทธิสุพร กรรมการบริษัท กล่าวว่า
“บริษัทฯ เป็นธุรกิจครอบครัวที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่รุ่นคุณปู่ สานต่อธุรกิจโดยคุณพ่อ และต่อมาก็ผม ซึ่งเป็นเจนเนอเรชันที่ 3 โดยผมไปศึกษาการทำรองเท้าที่ร้าน Stefano Bemer ประเทศอิตาลีจนได้รับใบประกาศนียบัตร เมื่อกลับประเทศไทยก็นำความรู้มาผลิตรองเท้าหนังคัทชูโดยวางจำหน่ายที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลายแห่ง เช่น สยามพารากอน เซ็นทรัลชิดลม เอ็มโพเรียม และ THREE Shoes & THREE Shoes Repair สุขุมวิท 101/1”

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะผลิตรองเท้าทุกคู่ให้เหมาะสมและมีสไตล์สำหรับลูกค้าทุกคน บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา คุณคงเดชเล่าว่า

“จากประสบการณ์ที่ทำรองเท้าให้ลูกค้าพบว่า มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่มีปัญหาอุ้งเท้า เมื่อใส่รองเท้าจะรู้สึกเมื่อยหรือเจ็บเท้า เราก็คิดว่าน่าจะมีอะไรที่ช่วยซับพอร์ตจึงลองใช้แผ่นรองในรองเท้ายางพาราที่มีจำหน่ายทั่วไป แต่วัสดุไม่ทนทาน อีกทั้งเมื่อแผ่นยางถูกเหยียบจะกระเด้งหรือไม่ก็ยุบไปตามน้ำหนักตัว ลูกค้าบางรายนำแผ่นรองในรองเท้าที่ได้จากการไปพบแพทย์มาให้ทำรองเท้า ซึ่งเมื่อนำไปตัดรองเท้าจะได้รูปทรงรองเท้าที่ใหญ่เทอะทะไม่สวยงาม จึงเกิดแนวคิดที่จะแก้ปัญหาให้แก่ลูกค้า ทั้งผู้ที่มีอุ้งเท้าแบน อุ้งเท้าสูง และอุ้งเท้าปกติ โดยยังคงความสวยงามของรองเท้าไปพร้อมกัน”

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ กับเอ็มเทคในการพัฒนาแผ่นรองในรองเท้าเฉพาะบุคคลที่มีรูปร่างและขนาดที่รองรับสรีระฝ่าเท้าของแต่ละบุคคล ซึ่งจะช่วยกระจายแรงที่เกิดจากการกดทับของน้ำหนักตัวได้มากขึ้น ส่งผลให้ผู้สวมใส่สามารถใส่รองเท้าเป็นเวลานานโดยไม่รู้สึกเจ็บเท้า

คุณคงเดช เล่าต่อว่า “เนื่องจากผมเป็นคนอุ้งเท้าสูงจึงทดลองกับตัวเองโดยใส่รองเท้าที่มีแผ่นรองในรองเท้าที่พัฒนากับเอ็มเทคเดินป่าเป็นระยะทาง 13 กิโลเมตรพบว่าสามารถเดินได้โดยไม่เมื่อยและเจ็บเท้า จึงเริ่มผลิตและจำหน่ายให้แก่ลูกค้า ซึ่งก็มีลูกค้าสนใจสั่งตัดอย่างต่อเนื่อง รองเท้าที่มีแผ่นรองในนี้นอกจากจะช่วยซับพอร์ตเท้าให้เดินสบายแล้ว ยังเสริมความสูงให้แก่ลูกค้าด้วย”

เมื่อถามถึงการทำตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ คุณคงเดช กล่าวว่า

“แม้ว่าผมจะเรียนทำรองเท้ามาจากอิตาลี แต่ลูกค้าที่มีกำลังซื้ออาจยังไม่เชื่อมั่น ยิ่งถ้าเราตั้งราคาสูง เขาอาจจะเลือกแบรนด์ต่างประเทศ เช่น แบรนด์จากอิตาลีที่มีตลาดมายาวนาน ดังนั้น เราต้องทำตลาดและสร้างความเชื่อมั่น เพื่อแข่งกับแบรนด์ต่างประเทศให้ได้ การทำให้ลูกค้าหันมาสนใจแบรนด์ของเราจึงต้องมีนวัตกรรม เพื่อสร้างจุดขายที่แตกต่างจากตลาด รวมถึงใช้อินฟลูเอนเซอร์ช่วยรีวิว ตลอดจนอธิบายและแสดงผลเชิงประจักษ์ว่าการสวมใส่รองเท้าที่มีแผ่นรองในรองเท้าเฉพาะบุคคลสามารถช่วยรับน้ำหนักและกระจายแรงที่กดทับบนบริเวณปลายเท้าและส้นเท้าได้สม่ำเสมอมากขึ้น นอกจากนี้ ถ้ามองตลาดย้อนหลัง การยื่นจดสิทธิบัตรนวัตกรรมที่ทำร่วมกับเอ็มเทคเป็นการช่วยปกป้องธุรกิจจากการถูกลอกเลียนแบบได้”

นอกจากแผ่นรองในรองเท้าสำหรับรองเท้าหนังคัทชูแล้ว คุณคงเดชยังขยายผลไปยังรองเท้าแตะด้วย คุณคงเดช อธิบายว่า

“ถ้าพิจารณาส่วนแบ่งการตลาดของคนที่ใส่รองเท้าคัทชูในประเทศไทยยังมีไม่มากนัก หากจะขยายตลาดไปยังรองเท้าชนิดอื่นก็ต้องพิจารณาส่วนแบ่งการตลาดและแบรนด์คู่แข่ง ซึ่งถ้าเป็นรองเท้าแตะมีสัดส่วนที่มากกว่ารองเท้าหนังคัทชู อีกทั้งแบรนด์ที่นำเข้ามีจุดอ่อนเรื่องพื้นรองเท้าแข็ง ในเมื่อเรามีนวัตกรรมที่ทำร่วมกับเอ็มเทคอยู่แล้วจึงนำประเด็นนี้มาเสริม”

สำหรับความร่วมมือในอนาคตนั้น คุณคงเดช เผยว่า

“บริษัทสนใจ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ ยางกันลื่นสำหรับติดพื้นรองเท้า เนื่องจากรองเท้าที่เป็นพื้นหนัง เมื่อเดินบนพื้นกระเบื้องหรือหินอ่อนการยึดเกาะจะไม่ดีนักทำให้ผู้สวมใส่ไม่มั่นใจ การติดยางกันลื่นนอกจากจะป้องกันรองเท้าลื่นแล้ว ยังประหยัดงบสำหรับการเปลี่ยนพื้นรองเท้าหนังยกชุด ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการติดแผ่นยางที่พื้นรองเท้า”

“อีกเรื่องคือพื้นไม้คอร์กสำหรับทำรองเท้าแตะ เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีใครผลิตจำเป็นต้องนำเข้าจากประเทศจีน หากเอ็มเทคมีผู้เชี่ยวชาญก็น่าจะมีความร่วมมือกันได้ในอนาคต”

ในช่วงสุดท้ายของการสัมภาษณ์ คุณคงเดชได้ให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการร่วมกันว่า

“การดำเนินงานที่ผ่านมามีความพึงพอใจมาก (ประเมินคะแนนได้ 4.5 เต็ม 5) อย่างไรก็ดี หากเอ็มเทคสามารถเสริมปัจจัยขั้นพื้นฐาน เพื่อรองรับการผลิตแผ่นรองในรองเท้าตามออร์เดอร์ที่อาจเพิ่มมากขึ้นในอนาคต รวมถึงลดต้นทุนได้มากขึ้นอีกก็จะเป็นประโยชน์มาก”

The post บริษัท สิทธิพรพาณิชย์ จำกัด appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
สภาองค์กรของผู้บริโภค https://www.mtec.or.th/stakeholders_perspective-thailandconsumerscouncil/ Wed, 25 Dec 2024 00:54:04 +0000 https://www.mtec.or.th/?p=33567 สภาองค์กรของผู้บริโภค “เมื่อผลที่ได้จากงานวิจัยนี้เผยแพร่สู่สาธารณะก็ย่อมเป็นประโยชน์ โดยสร้างผลกระทบในเรื่องความปลอดภัย ช่วยให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงการควบคุมคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน และสามารถส่งออกสินค้าที่มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น” คุณสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้ ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ สภาองค์กรของผู้บริโภค หรือ สภาผู้บริโภค เป็นองค์กรนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ... Read more

The post สภาองค์กรของผู้บริโภค appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

สภาองค์กรของผู้บริโภค

“เมื่อผลที่ได้จากงานวิจัยนี้เผยแพร่สู่สาธารณะก็ย่อมเป็นประโยชน์ โดยสร้างผลกระทบในเรื่องความปลอดภัย ช่วยให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงการควบคุมคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน และสามารถส่งออกสินค้าที่มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น”

คุณสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค

สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้
ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

สภาองค์กรของผู้บริโภค หรือ สภาผู้บริโภค เป็นองค์กรนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อเป็นผู้แทนของผู้บริโภค มีความเป็นอิสระ มีอำนาจหน้าที่คุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคในทุกด้าน

คุณสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค เล่าถึงที่มาของการทดสอบหมวกกันน็อกว่า “ความปลอดภัยด้านการขนส่งและยานพาหนะที่รวมเรื่องสินค้าและบริการคือ 1 ใน 8 ด้านที่สภาฯ ต้องทำหน้าที่คุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภค เพราะเรื่องความปลอดภัยเป็นสิทธิที่สำคัญของผู้บริโภค สภาฯ รับประกันความปลอดภัยมาตั้งแต่ปี 2522 แต่ปัจจุบันผู้บริโภคก็ยังไม่ปลอดภัย ทั้งในเรื่องการเดินทาง มาตรฐานของรถ หรืออาหาร ดังนั้น สภาฯ จึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดกับรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิต หมวกกันน็อกเป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องปลอดภัย สภาฯ มีชุดข้อมูลหนึ่งว่า เด็กนักเรียนไม่สวมหมวกกันน็อก เพราะมีราคาแพงและกลัวหมวกหาย จึงเกิดคำถามว่า หมวกกันน็อกที่ปลอดภัยต้องมีราคาแพงจริงหรือ นี่เป็นที่มาของการทดสอบหมวกกันน็อก”

ส่วนที่มาของความร่วมมือกับเอ็มเทคนั้นสืบเนื่องมาจากการที่สภาฯ เคยร่วมงานกับทีมของ ดร.ศราวุธ (เลิศพลังสันติ) มาก่อนจึงทำให้ทราบว่าคุณเศรษฐลัทธ์ (แปงเครื่อง) และคณะวิจัยเอ็มเทค มีความเชี่ยวชาญด้านการทดสอบ สภาฯ จึงได้ร่วมมือกับเอ็มเทค ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้สุ่มตัวอย่างหมวกกันน็อกจากท้องตลาดมาทดสอบจำนวน 25 ตัวอย่าง

“ผลการทดสอบได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างมาก เช่น เราพบว่าหมวกกันน็อกที่ปลอดภัยไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถซื้อหมวกกันน็อกแจกได้โดยใช้งบประมาณไม่สูงนัก หรือหมวกกันน็อกของเด็กเราก็พบว่าไม่มียี่ห้อใดได้มาตรฐาน ซึ่งประเด็นนี้น่าจะเป็นโจทย์ใหม่ที่จะต้องหาแนวทางแก้ไขเพื่อให้ได้หมวกที่มีมาตรฐาน บริษัทผู้ผลิตก็สนใจรับฟังผลการทดสอบโดยไม่มีข้อโต้แย้ง รวมถึงสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมก็หามาตรการจัดการกับหมวกกันน็อกที่ไม่ได้มาตรฐาน ตลอดจนดูแลอย่างเข้มข้นมากขึ้น เมื่อผลที่ได้จากงานวิจัยนี้เผยแพร่สู่สาธารณะก็ย่อมเป็นประโยชน์ โดยสร้างผลกระทบในเรื่องความปลอดภัย ช่วยให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงการควบคุมคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน และสามารถส่งออกสินค้าที่มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น” คุณสารี กล่าว

เมื่อสอบถามถึงความร่วมมือในอนาคต คุณสารี กล่าวว่า “ในกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยที่ไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพได้ด้วยตาเปล่าและต้องอาศัยการทดสอบ เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า รถไฟฟ้า ปลั๊กชาร์จไฟ เบรกเอบีเอสของรถจักรยานยนต์ รถติดแก๊ส รวมถึงสินค้าที่ได้จากการซื้อขายออนไลน์ สิ่งเหล่านี้เป็นประเด็นที่สภาฯ ต้องการให้เอ็มเทคช่วยสนับสนุนอย่างน้อยปีละ 2-3 รายการอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 2-3 ปี ทั้งนี้เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในการคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศ ช่วยให้ผู้บริโภคมีทางเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีราคาถูกและได้มาตรฐาน อีกทั้งยังช่วยยกระดับสินค้าและบริการ ส่งเสริมภาคธุรกิจให้มีความเข้มแข็งและสามารถแข่งขันได้

นอกจากนี้ กรมขนส่งทางบกยังมีแผนให้สภาฯ ซึ่งเป็นองค์กรอิสระช่วยตรวจสอบความปลอดภัยของรถที่จุดตรวจ หากแผนงานนี้เกิดขึ้นจริงก็จะเป็นอีกเรื่องที่ต้องการความร่วมมือกับเอ็มเทคในอนาคต”

“อย่างไรก็ดี การทดสอบในลักษณะนี้ สภาฯ ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการ ลดข้อจำกัดเรื่องความไม่เสมอภาค จึงจำเป็นต้องสุ่มตัวอย่างตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ เช่น สุ่มตัวอย่างที่หลากหลาย ภายในระยะเวลาใกล้เคียงกัน และเป็นตัวแทนของตัวอย่าง การทำเช่นนี้ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ดังนั้นถ้าสภาฯ และเอ็มเทควางแผนงานร่วมกัน และต่างฝ่ายต่างหางบประมาณมาสนับสนุนก็น่าจะเป็นประโยชน์” คุณสารี เสนอทิ้งท้าย

The post สภาองค์กรของผู้บริโภค appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
บริษัท เอส.ไอ.พี.สยามอินเตอร์แปซิฟิค จำกัด https://www.mtec.or.th/stakeholders_perspective-siaminterpacific/ Wed, 25 Dec 2024 00:53:09 +0000 http://10.228.23.44:38014/?p=9967 บริษัท เอส.ไอ.พี.สยามอินเตอร์แปซิฟิค จำกัด วิสัยทัศน์ ‘ทรายแมวเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ ของ บริษัท เอส.ไอ.พี.สยามอินเตอร์แปซิฟิค จำกัด คุณฉัตรชัย เลิศวิวัฒน์กุล กรรมการ บริษัท เอส.ไอ.พี.สยามอินเตอร์แปซิฟิค จำกัด ... Read more

The post บริษัท เอส.ไอ.พี.สยามอินเตอร์แปซิฟิค จำกัด appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

บริษัท เอส.ไอ.พี.สยามอินเตอร์แปซิฟิค จำกัด

วิสัยทัศน์ ‘ทรายแมวเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ ของ
บริษัท เอส.ไอ.พี.สยามอินเตอร์แปซิฟิค จำกัด

คุณฉัตรชัย เลิศวิวัฒน์กุล กรรมการ บริษัท เอส.ไอ.พี.สยามอินเตอร์แปซิฟิค จำกัด

สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้
ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง โดยอยู่ในอันดับที่ 4 ของโลก และอันดับที่ 1 ในอาเซียน และโดยภาพรวมแล้วตลาดส่งออกสินค้าอาหารสัตว์กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

บริษัท เอส.ไอ.พี.สยามอินเตอร์แปซิฟิค จำกัด เป็นผู้ผลิตขนมขบเคี้ยว (pet snack) และจำหน่ายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขและแมว มานานกว่า 50 ปี และเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกอาหารสัตว์ของไทย โดยส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ออสเตรเลีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอีกหลายประเทศในเอเชีย

คุณฉัตรชัย เลิศวิวัฒน์กุล กรรมการ บริษัท เอส.ไอ.พี.สยามอินเตอร์แปซิฟิค จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจของอาหารสัตว์เลี้ยงว่า

“ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าธุรกิจของสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตมากนานกว่า 10 ปี โดยเฉพาะในช่วงหลังการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 โดยสินค้าของแมวมีการเติบโตมากกว่าของสุนัขค่อนข้างมากในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแต่เดิมบริษัทฯ เน้นสินค้าของสุนัขเป็นหลัก ทำให้ปัจจุบันสนใจดำเนินธุรกิจสินค้าเกี่ยวกับแมวเพิ่มขึ้น เป็นที่มาของการผลิตทรายแมว”

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์สุนัขและแมวของบริษัท เอส.ไอ.พี.สยามอินเตอร์แปซิฟิค จำกัด

เมื่อตลาดอาหารและสินค้าสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตสูง ทำให้สินค้าในตลาดมีการแข่งขันสูงตามไปด้วย สิ่งที่เป็นจุดขายของสินค้าของบริษัทฯ คือต้องมีความแตกต่าง

คุณฉัตรชัยกล่าวว่า “ตลาดสินค้าของสัตว์เลี้ยงมีการแบ่งกลุ่มตามผู้บริโภคหรือเจ้าของ เช่น สินค้าแบรนด์ทั่วไป (mass) สินค้าเกรดพรีเมียม (premium) สินค้ารักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นต้น สินค้าทรายแมวที่ขายอยู่หลักในท้องตลาดส่วนใหญ่จะทำมาจากเบนโทไนท์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ราคาไม่สูง แต่ปัญหาของเบนโทไนท์คือไม่สามารถฝังกลบหรือทิ้งในชักโครกได้ และย่อยสลายได้ไม่ดี บริษัทฯ จึงสนใจตลาดกลุ่มลูกค้ารักษ์สิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อาศัยบนคอนโดซึ่งหาที่ทิ้งทรายแมวใช้แล้วลำบาก รวมทั้งความต้องการของตลาดที่บริษัทฯ ส่งออกด้วย โดยในต่างประเทศให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในระยะยาวด้วย”

“เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาสูตรทรายแมวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ จึงได้ค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์ จนพบว่า เอ็มเทค สวทช. มีนักวิจัยหลากหลายสาขา จึงสนใจติดต่อเสนอโจทย์พูดคุยร่วมหาแนวทางวิจัยพัฒนาสูตรทรายแมวที่สามารถทิ้งในชักโครกได้ พบว่านักวิจัยมีความรู้พื้นฐานด้านวัสดุและมีความเข้าใจเรื่องทรายแมวอยู่ด้วย จึงสามารถช่วยพัฒนาสูตรทรายแมวจากวัตถุดิบทางการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ตามที่บริษัทฯ ต้องการได้”

อย่างไรก็ดี คุณฉัตรชัยเสริมว่า “แต่ยังมีปัญหาเรื่องเครื่องจักรในการผลิตให้ได้ในระดับอุตสาหกรรมเพื่อให้สามารถจำหน่ายในท้องตลาดได้ จึงต้องปรับปรุงกระบวนการและเครื่องจักรในการผลิตใหม่ ซึ่งการทำงานก็ได้รับความร่วมมือจากทีมวิจัยซึ่งเอาใจใส่และพยายามช่วยแก้ไขปัญหา การทำงานราบรื่นดี และพอใจกับทีมงานเจ้าหน้าที่ของเอ็มเทคที่ช่วยประสานงานได้อย่างรวดเร็วจนงานประสบความสำเร็จ”

ภาพผลงานต้นแบบทรายแมวที่เอ็มเทคร่วมพัฒนา

บริษัทฯ มีแนวคิดการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและปรับเปลี่ยนการทำงานให้เหมาะกับยุคสมัย ต้องการนำระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต คุณฉัตรชัยอธิบายว่า “ปัญหาแรงงานและค่าแรงขั้นต่ำของแรงงานในประเทศยังคงเป็นปัญหาของภาคอุตสาหกรรมไทย เกิดการขาดแคลนแรงงาน เป็นอุปสรรคต่อการแข่งขัน บริษัทฯ จึงสนใจปรับเปลี่ยนเอาระบบควบคุมอัตโนมัติ เข้ามาช่วยในบางกระบวนการด้วย”

ส่วนปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันผลงานวิจัยไปสู่สินค้าที่ออกสู่ตลาดได้นั้น คุณฉัตรชัย กล่าวว่า “โดยทั่วไปแล้วงานวิจัยต้องตอบโจทย์ของบริษัทฯ ได้ และต้องมีความเป็นไปได้ในการขยายผลสู่ระดับอุตสาหกรรมด้วย เมื่อผลที่ได้ออกมาในระดับห้องปฏิบัติการเป็นที่น่าพอใจแล้ว หากขยายสเกลใหญ่ขึ้นไม่มีการปรับหรือปรับเล็กน้อยก็จะดีมาก และการปรับต้องอยู่ในวิสัยที่ควบคุมได้หรืออยู่ในต้นทุนที่รับได้”

ในอนาคตนอกจากการพัฒนาสินค้าแล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการประเมินคาร์บอนฟุตพรินท์ (Carbon Footprint) คุณฉัตรชัยให้ข้อมูลว่า “ปัจจุบันอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงยังไม่บังคับใช้การประเมินคาร์บอนฟุตพรินท์ แต่มองว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้า น่าจะเกิดผลกระทบขึ้น เนื่องจากลูกค้าหลักของบริษัทฯ เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ทำการตลาดกับคู่ค้าธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งอาจจะต้องถูกบังคับใช้ในอนาคต”

“ถ้าเราเริ่มไว้ก่อนล่วงหน้าและมีผู้เชี่ยวชาญของเอ็มเทค สวทช. มาช่วยให้คำแนะนำ จัดเก็บข้อมูลสำคัญ หรือปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีในการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ถือเป็นแนวทางที่บริษัทตั้งใจและเพื่อตอบรับกระแสของลูกค้าที่มองหาสินค้าที่รักษสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะฉะนั้นถ้าเราสามารถทำได้ก่อน เตรียมก่อน ก็จะดี” คุณฉัตรชัยกล่าวปิดท้าย

The post บริษัท เอส.ไอ.พี.สยามอินเตอร์แปซิฟิค จำกัด appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>
บริษัท สหวิริยาสตีลอัสตรี จำกัด (มหาชน) https://www.mtec.or.th/research_perspective-sahaviriya/ Fri, 20 Dec 2024 00:52:16 +0000 http://10.228.23.44:38014/?p=3324 บริษัท สหวิริยาสตีลอัสตรี จำกัด (มหาชน) การออกแบบและปรับปรุงเครื่องจักรมุ่งลดการใช้พลังงาน ตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน คุณภาคินัย สนับแน่น Senior Manager – Head of Furnace O&M ... Read more

The post บริษัท สหวิริยาสตีลอัสตรี จำกัด (มหาชน) appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>

บริษัท สหวิริยาสตีลอัสตรี จำกัด (มหาชน)

การออกแบบและปรับปรุงเครื่องจักรมุ่งลดการใช้พลังงาน
ตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน

คุณภาคินัย สนับแน่น Senior Manager – Head of Furnace O&M Section
บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน)

สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้
ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนรายแรกของประเทศไทย และเป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนสูงสุด 4 ล้านตันต่อปี และกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนประเภทปรับผิวและเคลือบน้ำมันสูงสุด 1 ล้านตันต่อปี เพื่อรองรับความต้องการใช้เหล็กที่เพิ่มขึ้นของภูมิภาคในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยานยนต์ พลังงาน เครื่องใช้ไฟฟ้า บรรจุภัณฑ์ ขนส่ง และการก่อสร้าง

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานและการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุดในทุกมิติ รวมถึงการปรับเปลี่ยนวัตถุดิบ การเลือกใช้ประเภทของพลังงานให้เกิดความคุ้มค่าที่สุด ปี พ.ศ. 2566 เป็นปีแรกที่บริษัทฯ ได้เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการส่งเสริมการออกแบบตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Design for Circular Economy) เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากกองนวัตกรรมวัตถุดิบและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. เป็นผู้ร่วมดำเนินการ นับเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่มีการหมุนเวียนการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม

คุณภาคินัย สนับแน่น Senior Manager – Head of Furnace O&M Section บริษัท สหวิริยาสติลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการเล่าถึงสิ่งที่บริษัทต้องการปรับปรุงว่า “กรรมวิธีการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน (Hot Rolled Coil) จะเริ่มจากการนำเหล็กแท่งแบน (Slab) ที่มีคุณภาพ มีความหนาตั้งแต่ 160-250 มิลลิเมตร นำมาเข้าเตาเผาที่ให้ความร้อนแก่เหล็กแท่งแบนอย่างต่อเนื่องจนถึงอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการรีดประมาณ 1,250 ถึง 1,300 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 ถึง 4 ชั่วโมง แล้วนำไปทำความสะอาดผิวเพื่อแยกสนิมเหล็ก (Scale) ซึ่งเกิดขึ้นบริเวณผิวเหล็กที่สัมผัสกับอากาศและออกซิเจนในขณะที่มีอุณหภูมิสูง เพื่อไม่ให้สนิมเหล็กฝังเข้าในเนื้อเหล็กเมื่อผ่านเครื่องรีดในขั้นต่อไป ทั้งนี้กระบวนการรีดร้อนนั้นต้องใช้พลังงานค่อนข้างสูงในเตาเผา และเราต้องการลดการสูญเสียพลังงานความร้อนของเตาเผาในกระบวนการผลิต จึงเป็นที่มาของการเข้าร่วมโครงการฯ ด้วยโซลูชัน การออกแบบและปรับปรุงเครื่องจักร เพื่อลดการใช้พลังงาน: การเคลือบผนัง Reheating Furnace ในกระบวนการผลิตเหล็กกล้าด้วย High-emissivity ceramic”

ผนังเตาที่เคลือบด้วย High-emissivity ceramic coating

คุณภาคินัย เล่าต่อว่า “การสูญเสียพลังงานความร้อนของเตาเผาในกระบวนการผลิตในขั้นตอนช่วง Soaking zone ทำให้เตาเผามีประสิทธิภาพเพียงครึ่งเดียว เมื่อนำชิ้นงานเข้าไปแล้วและนำออกมาจะเกิดการสูญเสียความร้อนไปทางอากาศ น้ำ หรือช่องเปิดของผนังเตา และการเข้าร่วมในครั้งนี้ทำให้ได้ร่วมมือกับบริษัท เท็กซ์พลอร์ จำกัด (Texplore) ในกลุ่มธุรกิจ เอสซีจี เคมิคอลส์ ที่พัฒนาวัสดุเคลือบผิวด้วย High-emissivity ceramic coating ที่ผนังเตา นับเป็นเรื่องที่ยากของการพัฒนาวัสดุที่นำมาเคลือบกับผนังเตาที่มีอุณหภูมิสูงถึง 1300 องศาเซลเซียส เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการแผ่รังสีความร้อนที่แตกต่างจากวัสดุเดิมได้ เนื่องจากวัสดุเดิมที่มีค่าสัมประสิทธิ์การแผ่รังสีความร้อน (Emissivity) อยู่ที่ประมาณ 0.3-0.4 แต่เมื่อนำวัสดุชนิดใหม่นำมาเคลือบที่ผนังเตาเกิดค่าสัมประสิทธิ์การแผ่รังสีความร้อนได้ถึง 0.8-0.9 ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยตรงนี้ส่งผลให้วัสดุได้รับความร้อนจากหัวเผาแล้วยังได้รับความร้อนจากผนังเพิ่มขึ้นด้วย แม้ในทางปฏิบัติหน้างานจริงพบว่ายังไม่ส่งผลต่อการลดของความร้อนได้ แต่สามารถช่วยลดการใช้พลังงาน (น้ำมันเตา) ได้จริงราว 2-3% นอกจากนี้ยังช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก เทียบกับการดำเนินการแบบเดิม ได้ปริมาณ 4,950,000 kgCO2eq ต่อปี อีกด้วย”

จากการศึกษาร่วมกับทีมที่ปรึกษาของเอ็มเทคยังพบด้วยว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการปรับปรุงในครั้งนี้ บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับปัจจัยต่างๆ ทุกมิติเพื่อให้มั่นใจว่าการปรับปรุงนี้เกิดความสำเร็จและสามารถนำไปใช้งานได้จริง คุณภาคินัย กล่าวเสริมว่า “ผมคิดว่าฐานข้อมูลมีส่วนสำคัญมากเพราะอย่างน้อยต้องดูกลุ่มข้อมูลหลักๆ ถึง 4 กลุ่มข้อมูลในการพิจารณาร่วมกันในการผลิต อย่างเช่น ข้อมูลสมดุลความร้อนของเตาเผา (Heat Balance) ตั้งแต่อุณหภูมิเข้า อุณหภูมิออก อุณหภูมิอากาศ แก๊สที่สูญเสียไป อุณหภูมิที่ไปสู่ผนัง หลังคา ที่ทางออกช่องประตู เป็นต้น ส่วนข้อมูลกลุ่มที่สองด้านการผลิต เช่น ผลิตภัณฑ์ที่เราผลิตมีตั้งแต่ 1 มิลลิเมตร ไปจนถึง 20 มิลลิเมตร วัตถุดิบที่นำเข้ามาก็มีหลากหลายรูปแบบ เรียกว่า มิกซ์ (Product Mix) หรือบางครั้งการผลิตก็ไม่ได้ราบรื่นทั้งหมด เราจึงต้องดึงกลุ่มข้อมูลที่เหมือนกันมาเปรียบเทียบ เพราะว่าข้อมูลที่มีความหลากหลายจะนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ ฉะนั้นเราจึงต้องดูข้อมูลที่ค่อนข้างละเอียดในแต่ละกลุ่มข้อมูลเพราะมันจะมีตัวแปรที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่ถ้าเรามีการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลจะทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดการปรับปรุงได้สำหรับนำมาใช้ออกแบบกระบวนการผลิต”

ผู้ประกอบการหรืออุตสาหกรรมที่เข้าร่วมกับโครงการในครั้งนี้ จะได้รับการถ่ายทอดข้อมูลและความรู้ที่ถูกต้องในรูปแบบการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกผ่านการจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ กระบวนการผลิต การเลือกใช้วัตถุดิบ และการใช้งาน

คุณภาคินัย เล่าว่า “การทำงานในโครงการนี้จะมีนักวิจัยของเอ็มเทคเข้ามาดูแล ศึกษาข้อมูลตั้งแต่เริ่มกระบวนการ ดูการไหลของทรัพยากรที่เข้ามาในกระบวนการ เพราะการรักษาทรัพยากร เราจะต้องมองทรัพยากรทุกอย่างในกระบวนการผลิต ซึ่งหลักการนี้เองเป็นแนวทางให้กับบริษัทนำไปพัฒนาเพิ่มเติมและทำให้มองเห็นกระบวนการทั้งหมดได้อย่างครอบคลุม หลังจากนี้บริษัทฯ มีแนวทางดำเนินการต่อโดยใช้พารามิเตอร์ต่างๆ ในกระบวนการผลิตมาทำการประมวลผลเพิ่มเติมทุก 6-12 เดือน เพื่อประเมินค่าประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องและมองไปถึงกระบวนการในระดับที่ใหญ่ขึ้นด้วย สนใจศึกษาวิจัยต่อยอดกับผู้ผลิต High-emissivity ceramic coating เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของสารเคลือบผนังเตา และศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมด้วยวิธีการจัดการที่เหมาะสมและการรีไซเคิลของอิฐทนไฟที่มีสารเคลือบผนังเตาด้วยต่อไป”

“ในโครงการนี้มีผู้เข้าร่วมโครงการจากหลายบริษัทและหลากหลายอุตสาหกรรม แต่ทุกบริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะปรับเปลี่ยน หรือใช้ของเสีย หรือปรับปรุงกระบวนการผลิตของตนเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ การออกแบบตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Design for Circular Economy) เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน ตามกระแสของการดำเนินธุรกิจทั้งประเทศและโลกจะมีทิศทางการปรับสมดุลในการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าให้มากที่สุด และในส่วนของบริษัทฯ มีแผนงานการต่อยอดแนวทางการใช้หลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนไปใช้ในเรื่องอื่นๆ เช่น การพัฒนาวัสดุอื่นจากวัสดุที่เหลือใช้ การปรับปรุงกระบวนการโดยใช้วัสดุเหลือใช้ของบริษัทและจากแหล่งอื่นมาผลิตวัสดุใหม่ทดแทนการนำเข้าเป็นแผนที่จะทำใน 3-5 ปีต่อจากนี้ ส่วนแผนระยะสั้นที่สามารถดำเนินการได้จะเป็นเรื่องการใช้พลังงานในโรงงาน และการปรับปรุงของเสีย รวมถึงการสร้างนวัตกรรมของเหล็กให้เบาขึ้นและแข็งแรงขึ้นด้วย” คุณภาคินัย กล่าวปิดท้าย

The post บริษัท สหวิริยาสตีลอัสตรี จำกัด (มหาชน) appeared first on MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ.

]]>