
4 มีนาคม 2567
ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดร.สุธี ผู้เจริญชนะชัย รองผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) ดร. สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (เอ็นเทค) พร้อมด้วยทีมนักวิจัย สวทช. และหน่วยงานพันธมิตร ร่วมงานแถลงข่าวการจัดการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 19 (19th NSTDA Annual Conference: NAC2024) ภายใต้แนวคิด “สานพลัง สร้างงานวิจัย พลิกโฉมเศรษฐกิจและสังคมไทยด้วย BCG Implementation” ระหว่างวันที่ 28-30 มีนาคม 2567 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี

ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย สวทช. เป็น “ขุมพลังหลักของประเทศ” ในการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อพัฒนา “ระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรม” ให้เข้มแข็ง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยความเชี่ยวชาญและความสามารถของ สวทช. ที่จะทำให้เกิดการใช้ประโยชน์ในวงกว้าง ผ่านแผนงาน BCG Implementation
“งานประชุมวิชาการประจำปี สวทช. (NSTDA Annual Conference: NAC) ในปีนี้ จึงได้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “สานพลัง สร้างงานวิจัย พลิกโฉมเศรษฐกิจและสังคมไทยด้วย BCG Implementation” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) และผลงานวิจัยพัฒนาที่ สวทช. ดำเนินการวิจัยเองและที่ดำเนินการภายใต้ความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร โดยได้เร่งขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนงาน BCG Implementation เพื่อตอบเป้าหมายหลักของแผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่ได้กำหนดไว้ใน 4 มิติ” ได้แก่ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม-เพิ่มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ-เพิ่มการพึ่งพาตนเอง-สร้างความยั่งยืนของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตคนไทยสู่ความยั่งยืน โดย สวทช. ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเปิดการประชุมและทอดพระเนตรนิทรรศการวันศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 น. โดยสามารถติดตามรับชมการถ่ายสดผ่านสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย NBT 2HD” ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าว



ตัวอย่างผลงานวิจัยเด่น เช่น Lookie Waste: แอปพลิเคชันตรวจสอบปริมาณขยะอาหารและบรรจุภัณฑ์อาหาร โดยทีมวิจัยเศรษฐกิจหมุนเวียนและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงบูรณาการเพื่อการฟื้นสร้างอย่างยั่งยืน (CEDAR) สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (TIIS) ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สวทช. ใช้ตรวจสอบปริมาณขยะอาหารและบรรจุภัณฑ์อาหารที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคลเพื่อสร้างความตระหนักให้แก่ผู้บริโภค ซึ่ง Lookie Waste มีจุดเด่นคือ
– ติดตามขยะอาหารและบรรจุภัณฑ์อาหารจากแหล่งกำเนิดได้อย่างต่อเนื่องโดยจำแนกแหล่งกำเนิดขยะอาหารเป็น 3 ประเภท คือ ขยะอาหารจากร้านค้าปลีก (Retail) ขยะอาหารจากการบริโภคนอกบ้าน อาทิ โรงแรม ผู้จำหน่ายอาหาร และขยะอาหารจากครัวเรือน
– ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการประมวลผลด้วยภาพถ่าย (image processing) ในการทำนายประเภทอาหารและคาดการณ์ปริมาณขยะอาหารจากการบริโภค
– ประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากขยะอาหารและบรรจุภัณฑ์หน่วยเทียบเท่าคาร์บอนไดออกไซด์ (C02 -eๆ) รวมทั้งคาดการณ์ผลกระทบเชิงเศรษฐศาสตร์ในรูปแบบมูลค่าทางการเงินที่ผู้บริโภคต้องสูญเสียจากขยะอาหาร ผลกระทบด้านสารอาหารในหน่วยแคลอรี่ และจำนวนเด็กที่หิวโหยที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนอาหาร



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://www.nstda.or.th/home/news_post/prnstda-nac2024-04032567/