เอ็มเทค สวทช. ร่วมกับ กรมโรงงานฯ และ UNIDO ผลักดันการสิ้นสุดความเป็นของเสีย “ปูนปลาสเตอร์ ” และ “ เถ้าแกลบ ” ส่งเสริมการเอื้อประโยชน์ร่วมกันในภาคอุตสาหกรรม

วันที่ 17 ธันวาคม 2567

ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ

 

 

          ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. นำโดย ดร.สิทธิสุนทร สุโพธิณะ รองผู้อำนวยการศูนย์ พร้อมคณะนักวิจัยเอ็มเทค ร่วมเปิดงานสัมมนาปิดโครงการ “การพัฒนาเกณฑ์สิ้นสุดการเป็นของเสีย (End-of-Waste; E-o-W) กรณีศึกษาการผลิตผนังยิปซัมจากแบบพิมพ์ปูนปลาสเตอร์ที่ไม่ใช้แล้ว และการผลิตสารละลายไบโอโซเดียมซิลิเกตและไบโอโพแทสเซียมซิลิเกตอย่างยั่งยืนจากเถ้าแกลบ” โดยมีนายสุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ในฐานะรองประธานคณะทำงานด้านเทคนิคสำหรับส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากกากอุตสาหกรรมและการพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียว หรือ TWG (Technical Working Group) เป็นประธานเปิดงาน เพื่อเผยแพร่ผลจากการศึกษาวิจัยที่ได้ดำเนินการ ตลอดระยะเวลา 1 ปี โดยมี นางสาวศิรกาญจน์ เหลืองสกุล ผู้อำนวยการกองส่งเสริมเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมโรงงาน กล่าวรายงานวัตถุประสงค์โครงการฯ พร้อมด้วย นายจุลพงษ์ ทวีศรี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรรม นางสาวปัทมวรรณ คุณประเสริฐ ผู้อำนวยการกองพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ นายเอกบุตร อุตมพงศ์ รักษาการนักวิทยาศาสตร์เชี่ยวชาญ กองส่งเสริมเทคโนโลยีความปลอดภัยโรงงาน กรมโรงงานอุตสาหกรรม ดร.อุมา วิรัตน์สกุลชัย ผู้ประสานงานโครงการจากองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO: United Nations Industrial Development Organization) ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคการศึกษาและวิจัย และภาคอุตสาหกรรม เข้าร่วมสัมมนา 

          กรมโรงงานอุตสาหกรรมดำเนินการศึกษาการพัฒนาเกณฑ์สิ้นสุดการเป็นของเสีย เพื่อเพิ่มมูลค่ากากอุตสาหกรรม ให้เป็นวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยศึกษานำร่องกากอุตสาหกรรม จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ 1) แบบพิมพ์ปูนปลาสเตอร์ 2) เถ้าแกลบ 3) ก้างปลาทูน่า และ 4) ยิปซัมสังเคราะห์

 

          ซึ่งโครงการดังกล่าวนี้ ได้มอบหมายให้ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย (ศสอ.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษาวิจัยแบบพิมพ์ปูนปลาสเตอร์นำไปผลิตแผ่นยิปซัม (Gypsum Wall) สำหรับใช้ในงานก่อสร้าง และศูนย์เทคโทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ศึกษาวิจัยเถ้าแกลบนำไปผลิตเซรามิกโบนไชน่า (Bone China) เพื่อส่งเสริมการเพิ่มมูลค่ากากอุตสาหกรรม หมุนเวียนกลับมาใช้ประโยชน์ในรูปของวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ตามแนวคิดการสิ้นสุดความเป็นของเสีย นำไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน แบบครบวงจร ที่มีการบริหารจัดการตั้งแต่วัตถุดิบต้นทาง กระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ ครอบคลุมถึงการคำนวณค่าการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ความเป็นไปได้ในเชิงเทคนิค การลงทุน และความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์

          ซึ่งข้อมูลจากการศึกษาวิจัยนี้จะเป็นตัวช่วยให้ผู้ใช้งานในการตัดสินใจเลือกใช้วัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์จากของเสีย ทั้งนี้ข้อกำหนดและเงื่อนไขของเกณฑ์การสิ้นสุดความเป็นของเสีย ประกอบด้วย 4 เงื่อนไขหลัก ดังนี้ (1) วัสดุหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้ต้องมีวัตถุประสงค์การใช้งานเฉพาะ (2) วัสดุหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้ต้องเป็นที่ต้องการของตลาด มีตลาดรองรับหรือความต้องการใช้งานที่ชัดเจน (3) การใช้งานจะต้องเป็นไปตามกฎหมาย ข้อกำหนด และมาตรฐาน (4) การนำไปใช้งานต้องไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ อนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมในภาพรวม

          พร้อมกันนี้ ได้จัดให้มีการเสวนาในหัวข้อ “ถอดบทเรียน (Lesson Learned) จากการจัดทำ (ร่าง) เกณฑ์สิ้นสุดการเป็นของเสียนำร่อง และการดำเนินนโยบายสำหรับกากอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในอนาคต” เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้แทนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลากหลายมุมมอง ต่อการพัฒนาเกณฑ์สิ้นสุดการเป็นของเสียในประเด็นที่เกี่ยวข้อง โดยภายหลังจากนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมจะสังเคราะห์ผลการศึกษา ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะมาปรับใช้สำหรับการจัดทำหลักเกณฑ์เชิงนโยบายที่สอดคล้องกับแนวทางการปฏิบัติงานและบริบทของประเทศไทย