
วันที่ 17 ธันวาคม 2567
ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค กรุงเทพมหานคร
ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นต่อความสำเร็จของผลการศึกษา (Public Hearing) ในโครงการ “การพัฒนาระบบก่อสร้างอาคารโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์ม เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน” ภายใต้การสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และบริษัท แอธเลติก โซลูชั่น จำกัด

โดยมี ผศ.ดร.อัครวิทย์ กาญจนโอภาษ ผู้แทนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กล่าวเปิดงานสัมมนา ฯ พร้อมผู้แทนจากหน่วยงานราชการ นักวิชาการ ผู้กำหนดนโยบายผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมก่อสร้าง นักลงทุนและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานต่างๆ เข้าร่วมงาน

ดร.นงนุช พูลสวัสดิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัย สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (TIIS) เอ็มเทค สวทช. หัวหน้าชุดโครงการ กล่าวว่า ชุดโครงการนี้ มุ่งเน้นการพัฒนาระบบก่อสร้างด้วยโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูป (Modular Steel Construction) เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่งเน้นการลดของเสีย การนำวัสดุกลับมาใช้ซ้ำ และเพิ่มอายุการใช้งานของวัสดุ ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศไทยในเชิงเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม โดยการดำเนินงานของโครงการวิจัยพัฒนานี้ใช้ระบบสารสนเทศอาคาร (Building Information Modeling: BIM) ในการออกแบบและบริหารข้อมูล โดยออกแบบอาคารใน 5 ประเภท ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแถว อาคารพาณิชย์ อาคารโกดัง และอาคารร้านค้าขนาดเล็ก นอกจากนี้ โครงการยังพัฒนาระบบตรวจสอบคุณภาพโครงสร้างด้วยการประมวลผลภาพดิจิทัลเพื่อความแม่นยำและลดต้นทุน โดยผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในคุณภาพและกระตุ้นการใช้งานในวงกว้าง รวมถึงชุดโครงการนี้จะช่วยผลักดันดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการก่อสร้างอาคารสำเร็จรูปที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อเศรษฐกิจหมุนเวียน อีกทั้งยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน

ดร.วิกรม วัชระคุปต์ กรรมการบริหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมก่อสร้างมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ ดังนั้นปริมาณการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดส่งผลโดยตรงต่อการใช้ทรัพยากร การปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อมและขยะก่อสร้างและรื้อถอนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นการพัฒนาในอุตสาหกรรมก่อสร้างเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนนั้น ประเทศไทยควรนำ BCG Model ซึ่งเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวมที่จะพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติไปพร้อมกัน ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาประยุกต์ใช้ โดยการนำแนวความคิดของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างนี้ ต้องมีการพิจารณาตั้งแต่การออกแบบ การเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง การก่อสร้าง จนถึงวิธีการจัดการวัสดุหลังการรื้อถอน โดยมุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาด้านเศรษฐกิจให้ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของคนในสังคมให้อยู่ในระดับที่ดีอย่างสมดุลให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนไปพร้อมกัน
การก่อสร้างแบบโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูป (modular steel construction) เป็นรูปแบบการก่อสร้างที่ความสอดคล้องกับหลักการพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) ทั้งในเรื่องการออกแบบและการก่อสร้างประกอบติดตั้งที่รวดเร็วและมีคุณภาพ ความสามารถในการนำวัสดุก่อสร้างมาใช้ซ้ำหรือการหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่หลังจากการรื้อถอน อันจะนําไปสู่การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม

โครงการนี้สำเร็จลุล่วงได้ จากการให้ความสำคัญในการต่อยอดอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์และวางรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG Economy) ของ บพข. สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และ บริษัท แอธเลติก โซลูชั่น จำกัด ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณชุดโครงการวิจัย และสิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ผู้ประกอบการที่มีมุมมองของ BCG Economy ที่ไม่ได้มองเพียงผลตอบแทนทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของสังคมคนรุ่นหลังต่อไป

