
เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย (ศสอ.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดประชุมระดมความคิดเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder Engagement) ขึ้นที่โรงแรม Le Meridien กรุงเทพฯ


การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการ “การปรับสภาพและการนำอะลูมิเนียมดรอสกลับมาใช้ประโยชน์และผลักดันสู่การสิ้นสุดความเป็นของเสีย (End-of-Waste) อย่างยั่งยืน” เนื่องจากอะลูมิเนียมดรอสเป็นกากอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดปัญหามลพิษต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมาอย่างยาวนาน ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยนวัตกรรมและนโยบายที่เหมาะสม

ภายในงานมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 70 ท่าน จาก 28 หน่วยงาน ประกอบด้วยผู้ประกอบการจากโรงงานอะลูมิเนียม โรงงานรับบำบัดกำจัด (รง.106) และโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยได้รับเกียรติกล่าวเปิดงานและให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาในมิติเชิงนโยบาย โดย ดร.จุลพงษ์ ทวีศรี กรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอำนวยการของศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย (ศสอ.)



จากนั้นผู้บริหารของหน่วยงานพันธมิตรได้ร่วมกันกล่าวถึงที่มาและความมุ่งมั่นในการผลักดันโครงการ End-of-Waste นี้ ได้แก่ คุณกิตติพันธุ์ บางยี่ขัน ผู้อำนวยการกองนวัตกรรมวัตถุดิบและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) คุณนำพล ลิ้มประเสริฐ รองประธานสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ ดร.ศราวุธ เลิศพลังสันติ รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช.


ในส่วนของการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับนวัตกรรมและแนวทางการปรับสภาพอะลูมิเนียมดรอสและแผนการนำไปใช้ประโยชน์ ได้รับการนำเสนอโดยคุณอมรศักดิ์ เร่งสมบูรณ์ นักวิจัยอาวุโสจากเอ็มเทค ซึ่งได้ชี้แจงรายละเอียดทางเทคนิคและศักยภาพในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อแปลงอะลูมิเนียมดรอสให้กลายเป็นทรัพยากรที่มีมูลค่า
ข้อสรุปและข้อคิดเห็นจากการประชุมครั้งนี้จะเป็นข้อมูลสำคัญให้เอ็มเทคและหน่วยงานพันธมิตรนำไปพัฒนาข้อเสนอโครงการให้ตรงกับความต้องการและปัญหาที่แท้จริง เพื่อนำไปสู่การใช้งานจริงทั้งในเชิงนโยบายและเชิงพาณิชย์ต่อไป โดยคาดว่าจะสามารถผลักดันให้เกิดการปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสร้างแรงจูงใจสำหรับภาคเอกชนในการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีการจัดการอะลูมิเนียมดรอสอย่างยั่งยืนในอนาคต







