‘SAF เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน’ สำหรับอุตสาหกรรมการบินโลก
เรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้ ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ
โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกดังนั้น การที่จะลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกให้ได้ผล จำเป็นที่ทุกประเทศต้องร่วมมือกันกำหนดเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
การขนส่งทางอากาศเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญของมนุษย์ที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO (The International Civil Aviation Organization) ระบุว่า อุตสาหกรรมการบินมีส่วนทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกราว 2-3% จึงตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระยะยาว (ค.ศ.2024-2070) โดยควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคการบินระหว่างประเทศไม่ให้เกิน 85% ของปริมาณการปล่อยคาร์บอนในปี ค.ศ.2019
มาตรการในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ ICAO กำหนดมี 4 แนวทาง ได้แก่ การพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องบิน การปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติงานการบิน/สนามบิน การใช้เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF (Sustainable Aviation Fuels) และการใช้ตลาดคาร์บอนผ่านกลไกการชดเชยและการลดคาร์บอนสำหรับการบินระหว่างประเทศ หรือ CORSIA (Carbon Offsetting and Reduction Scheme for International Aviation)

มาตรการการใช้เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนหรือ SAF น่าจะเป็นทางออกที่สามารถช่วยให้บรรลุเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน เนื่องจากมีสัดส่วนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 65% เมื่อเทียบกับมาตรการอื่นๆ อีกทั้ง SAF ยังสามารถผสมกับน้ำมันอากาศยานที่ผลิตจากฟอสซิล หรือ Jet A-1 ได้ในอัตราส่วนสูงสุด 50% โดยปล่อยคาร์บอนน้อยกว่า และไม่ต้องดัดแปลงเครื่องยนต์ การดำเนินการตามมาตรการนี้คาดว่าจะช่วยลดมลพิษได้ถึง 80% เมื่อเทียบกับน้ำมันอากาศยานแบบเดิม
สหภาพยุโรปกำหนดเป้าหมายให้สายการบินที่บินเข้า-ออกยุโรปต้องใช้ SAF ในสัดส่วน 2% ภายในปี ค.ศ.2025 นี้ และจะเพิ่มขึ้นทุก 5 ปี โดยมีค่าสูงสุดที่ 70% ภายในปี ค.ศ. 2050
สำหรับภูมิภาคอาเซียน สิงคโปร์กำหนดการใช้ SAF 1% ภายในปีนี้เช่นเดียวกันกับการพิจารณาของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ CAAT (The Civil Aviation Authority of Thailand)
อย่างไรก็ดี การบรรลุเป้าหมายที่ท้าทายนี้จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและพันธมิตรในห่วงโซ่คุณค่าในการส่งเสริมการขยายขนาดการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน เนื่องจากราคาของ SAF สูงกว่าน้ำมัน Jet-A1 2.5 เท่า กำลังการผลิตทั่วโลกยังอยู่ในระดับต่ำ และวัตถุดิบตั้งต้น (feedstock) ต้องผ่านมาตรฐานความยั่งยืนตามมาตรฐาน CORSIA
ในตอนหน้าจะกล่าวถึงแนวทางการส่งเสริมการใช้ SAF ของไทย ตลอดจนบทบาทของ เอ็มเทค สวทช. ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนและอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ
ติดต่อสอบถามข้อมูล:
ดร.เสกสรร พาป้อง ทีมวิจัยการประเมินความยั่งยืนและเศรษฐกิจและสังคม สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค)
โทรศัพท์ 0 2564 6500 ต่อ 4771
อีเมล: seksanp@mtec.or.th