ยกระดับ ‘กากซิโตรยิปซัม’ สู่ ‘วัตถุดิบ’ สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง

สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้
ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ
ปี 2566 ประเทศไทยมีกากของเสียอุตสาหกรรมรวม 19.82 ล้านตัน แบ่งเป็นของเสียไม่อันตราย 18.69 ล้านตัน และของเสียอันตราย 1.13 ล้านตัน การจัดการกากของเสียอุตสาหกรรมเหล่านี้ ส่วนใหญ่ใช้วิธีการฝังกลบหรือเผาทำลาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นภาระต่อการจัดการในระยะยาว
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม มีภารกิจหลักในการจัดหาและบริหารจัดการวัตถุดิบ ทั้งจากแหล่งแร่ธรรมชาติ และวัตถุดิบทดแทนที่ได้จากการรีไซเคิลขยะหรือของเสีย จึงได้ริเริ่มโครงการพัฒนาและยกระดับสถานประกอบการอุตสาหกรรมเพื่อเชื่อมโยงสู่ตลาดเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี
โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับสถานประกอบการอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีรีไซเคิลและอัปไซเคิล โดยมีศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นที่ปรึกษาโครงการ และมีห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ็ม อาร์. เซพพาเรทเตอร์ เข้าร่วมโครงการ
ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ็ม อาร์. เซพพาเรทเตอร์ เป็นผู้ประกอบกิจการโรงงานประเภท รง.105, 106 รับจัดการ คัดแยกกากของเสียอุตสาหกรรมประเภทของเสียไม่อันตราย รวมไปถึงผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการใช้ประโยชน์กากของเสียอุตสาหกรรมที่รับเข้ามาจัดการ เช่น เชื้อเพลิง RDF และสารปรับปรุงดิน
ห้างหุ้นส่วนจำกัดฯ มีกากอุตสาหกรรม เช่น เถ้าหนัก เถ้าลอย ทรายหล่อแบบใช้แล้ว รวมถึงกากอุตสาหกรรมต่างๆ จึงต้องการเพิ่มมูลค่ากากอุตสาหกรรมเหล่านี้ โดยนำกลับมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตคอนกรีตบล็อก เพื่อทดแทนปูนซีเมนต์ และมวลรวมจากธรรมชาติ
แม้ว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดฯ จะมีความพร้อมด้านสถานที่ แรงงาน และมีประสบการณ์ในการผลิตคอนกรีตบล็อก แต่เป็นการผลิตโดยอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้ปฏิบัติงานจึงไม่มีสูตรการผลิตที่แน่นอน อีกทั้งกากอุตสาหกรรมที่นำมาใช้ก็มีองค์ประกอบทางเคมีค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งย่อมส่งผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้
ทีมที่ปรึกษาจึงดำเนินการวิจัยและพัฒนา โดยปรับปรุงสูตรการผลิตให้เหมาะสมกับกากอุตสาหกรรมแต่ละชนิด เพื่อให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสม่ำเสมอและมีสมบัติสอดคล้องกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
ทีมที่ปรึกษายังให้ข้อเสนอแนะแก่โรงงานในการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้มีมาตรฐานและมีการควบคุมคุณภาพ รวมถึงใช้สูตรการผลิตที่เหมาะสมกับกากอุตสาหกรรมแต่ละชนิด
ผลลัพธ์ที่ได้จากโครงการนี้ได้ช่วยให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนการผลิตได้ 5.29-19.78% นำความรู้เชิงวิชาการไปต่อยอดการผลิตคอนกรีตบล็อกให้มีคุณภาพดีขึ้น เพิ่มความสามารถในแข่งขัน อีกทั้งยังลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
สอบถามเพิ่มเติม:
คุณระพีพันธ์ ระหงษ์
งานประสานธุรกิจและอุตสาหกรรม ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
โทรศัพท์: 0 2564 6500 ต่อ 4789
อีเมล: rapeepr@mtec.or.th หรือ
คุณณัฐพงศ์ ณ ลำพูน
กองนวัตกรรมวัตถุดิบและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง กพร.
โทรศัพท์ 0 2430 6842 ต่อ 4211
อีเมล: Nattapong_n@dpim.go.th