เรียบเรียงโดย คุณสรนันท์ ตุลยานนท์
อะไรคือความหมายของสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในบริบทของสังคมไทย?
ตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 สุขภาพหมายถึงภาวะที่สมบูรณ์ทั้งทางกาย จิต สติปัญญา และทางสังคม เชื่อมโยงกันเป็นองค์รวมอย่างสมดุล แต่สังคมทั่วไปคิดว่าสุขภาพเกี่ยวกับการเจ็บป่วยทางกาย ถ้าไม่เจ็บป่วยคือสุขภาพดี ต่อมามีความเข้าใจมากขึ้นว่าสุขภาพที่ดีนั้นหมายรวมถึงสภาพจิตใจที่ดีด้วย
ปัจจุบันเริ่มนิยมใช้คำว่าสุขภาวะหรือ well-being เพื่อให้ครอบคลุมความหมายที่กว้างขึ้นของสุขภาพ ว่าคือความสมดุลใน 8 มิติของความเป็นอยู่ที่ดี
มิติของความเป็นอยู่ที่ดี มีอะไรบ้าง?
แต่เดิมพิจารณากันว่าความเป็นอยู่ที่ดีประกอบด้วย 4 มิติ คือ กาย จิต สติปัญญา และสังคม ต่อมามีมิติอื่นๆ เพิ่มเข้ามาจนปัจจุบันนี้เป็นที่ยอมรับกันว่า ความเป็นอยู่ที่ดีประกอบด้วย 8 มิติ คือ
1. สุขภาวะทางกาย
2. สุขภาวะทางจิต
3. สุขภาวะทางสังคม
4. สุขภาวะทางสติปัญญา
5. สุขภาวะทางอารมณ์
6. สุขภาวะทางการเงิน
7. สุขภาวะทางอาชีพ
8. สุขภาวะทางสิ่งแวดล้อม
สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในสังคมไทย มีความสำคัญอย่างไร?
สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกัน สุขภาพที่ดีของคนในสังคมเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมที่บุคคลนั้นเกิดและเติบโตมา รวมทั้งสภาพการทำงานและการดำรงชีวิต เป็นผลของทุกระบบในสังคมที่มีส่วนในการกำหนดสภาพแวดล้อมเหล่านั้น เรียกได้อีกอย่างคือ ปัจจัยสังคมกำหนดสุขภาพ (social determination of health) สังคมที่ประชากรมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีย่อมส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศโดยรวมด้วย
อะไรคือเป้าหมายสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีตามนโยบายของประเทศไทย?
ประเทศไทยมีนโยบายสาธารณสุขและโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพที่ดี มีความพร้อมกระจายอยู่ทั่วประเทศ
ระบบสุขภาพของไทยได้รับการยกย่องว่ามีประสิทธิภาพมากแห่งหนึ่งของโลก มีระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งเป็นรัฐสวัสดิการเพื่อให้บริการรักษาและป้องกันแก่ประชาชนทุกคน แต่ก็ยังมีประเด็นท้าทายหลายประการที่ยังต้องดำเนินการให้เข้มข้นและต่อเนื่อง เช่น เตรียมการรับมือกับโรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดจากสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมและเป็นพิษ การยกระดับการสร้างเสริมสุขภาพ (health promotion) เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยที่จะไปใช้บริการในโรงพยาบาลในอนาคต สนับสนุนให้หน่วยงานสาธารณสุขทำงานเชิงรุกมากขึ้น
สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืนหรือไม่?
เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก สามารถกล่าวได้ว่าทั้ง 17 เป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน ล้วนเกี่ยวข้องกับสุขภาวะทั้งสิ้น (health in all SDGs)
เอ็มเทคมีการทำงานเกี่ยวข้องกับงานด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีบ้างหรือไม่?
เอ็มเทคมีแนวทางการวิจัยอิงตามกลุ่มเป้าหมายการใช้ประโยชน์จากผลผลิตงานวิจัย 5 กลุ่มหลัก (Domains of Utilization) ได้แก่
1. อุตสาหกรรมการผลิตและบริการทางวิศวกรรม
2. ความปลอดภัยและคุณภาพชีวิต
3. สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
4. อุตสาหกรรมฐานเกษตรกรรม
5. เกษตรกรรม
เอ็มเทคมีกลยุทธ์อย่างไรในการทำงานทางด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี?
เริ่มจากการหาแหล่งทุนเพื่อสนับสนุนการทำวิจัย เอ็มเทคเน้นการสร้างการรับรู้และยอมรับในคุณภาพของผลงานและความเชี่ยวชาญของทีมวิจัย เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนและการได้รับทุนต่อเนื่อง สร้างความร่วมมือในการทำงานกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย วางแผนการทำงานที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อยากทราบภาพรวมเกี่ยวกับงานวิจัยของเอ็มเทคทางด้านสุขภาพ
และความเป็นอยู่ที่ดี?
ภาพรวมคือ เอ็มเทคสร้างนวัตกรรมสำหรับการดูแลสุขภาพและคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ ด้วยการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การตรวจสอบและลดการปนเปื้อนจากสารเคมีอันตรายในวัสดุและผลิตภัณฑ์สำหรับอาคารที่อยู่อาศัยและที่ทำงาน นวัตกรรมด้านอาหารเพื่อผู้สูงอายุ ผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิดที่ให้ความสะดวกและง่ายต่อการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย
งานด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของเอ็มเทค ดำเนินงานโดยกลุ่มวิจัยใด?
เอ็มเทคมีผลงานด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีที่เป็นรูปธรรมแล้วจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลงานจากทีมวิจัยดังต่อไปนี้
1. กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีโพลิเมอร์ขั้นสูง (Advanced Polymer Technology Research Group: APT) โดยทีมวิจัยวัสดุศาสตร์อาหาร (Food Materials Research Team: FOMT)
2. กลุ่มวิจัยวัสดุและอุปกรณ์เฉพาะทางชีวภาพ (Biofunctional Materials and Devices Research Group: BMD) โดย
– ทีมวิจัยวัสดุเฉพาะทางชีวภาพ (Biofunctional Materials Research Team: BFMT)
– ทีมวิจัยชีวกลศาสตร์ (Biomechanics Research Team: BMCT)
– ทีมวิจัยอุปกรณ์เฉพาะบุคคล (Personalized Devices Research Team: PSDT)
– ทีมวิจัยวิศวกรรมเนื้อเยื่อ (Tissue Engineering Research Team: TSET)
3. กลุ่มวิจัยการออกแบบเชิงวิศวกรรมและการคำนวณ (Engineering Design and Computation Research Group: EDC) โดย
– ทีมวิจัยการออกแบบเพื่อการเป็นอยู่ที่ดี (Well-living Design Research Team: WLDT) และ
– ทีมวิจัยระบบวิศวกรรมขั้นสูง (Advanced Engineering Systems Research Team: AEST)
แต่ละทีมหรือกลุ่มวิจัยมีผลงานที่เป็นรูปธรรมแล้วหลายผลงาน ดังจะได้กล่าวถึงต่อไป
ผลงานของทีมวิจัยวัสดุศาสตร์อาหาร (Food Materials Research Team: FOMT) มีอะไรบ้าง?
ผลงานของทีมวิจัย FOMT ที่จะมีการส่งมอบในช่วงปี 2565-2567 มีดังนี้
1. ผลิตภัณฑ์อาหารจากโปรตีนพืช ประกอบด้วย Ve-chick, M-pro jelly drink และ Fibrous chicken analogue
2. ต้นแบบผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานแช่แข็งสำหรับผู้มีภาวะเคี้ยวและกลืนลำบากตามมาตรฐาน IDDSI ระดับ 5-7
3. ต้นแบบอุปกรณ์ flow tester และ fork tester ตามมาตรฐาน IDDSI สำหรับใช้ประโยชน์ในโรงพยาบาลและหน่วยงานนำร่อง
ผลงานของกลุ่มวิจัยวัสดุและอุปกรณ์เฉพาะทางชีวภาพ (Biofunctional Materials and Devices Research Group: BMD) มีอะไรบ้าง?
ผลงานของกลุ่ม BMD ที่ผ่านมาและที่วางแผนส่งมอบในปี 2565 มีดังนี้
1. เทคโนโลยีการผลิตอุปกรณ์พ่วงต่อเพื่อปรับรถเข็นทั่วไปเป็นรถเข็นไฟฟ้า
2. เทคโนโลยีการพัฒนาแผ่นรองในรองเท้าเฉพาะบุคคลจากเครื่องพิมพ์สามมิติในกลุ่มผู้ป่วยเท้าแบน / รองเท้าเฉพาะบุคคลสำหรับผู้สูงอายุและบุคคลทั่วไป
3. วัสดุนำส่งยาปฏิชีวนะเฉพาะที่ประเภทไฮดรอกซีอะพาไทต์สำหรับการรักษากระดูกติดเชื้อ
4. การผลิตลูกตาเทียมโพลิเอทิลีนแบบมีรูพรุน
5. ขี้ผึ้งสำหรับห้ามเลือดจากกระดูกที่สลายตัวได้ ที่มีส่วนผสมของแป้งดัดแปร (bone paste)
6. ผ้ายืดเคลือบซิลิโคนเจลรักษาแผลเป็น
7. ผลิตภัณฑ์ห้ามเลือดสำหรับใช้ภายนอกร่างกาย
8. RT Wheelchair รถเข็นนั่งปรับนอนสำหรับการถ่ายภาพเอกซเรย์ผู้ป่วย
สำหรับงานที่มีแผนส่งมอบในปี 2566 ได้แก่
1. อุปกรณ์ช่วยออกกำลังสำหรับผู้ช่วยอภิบาลผู้ป่วยวิกฤต
2. แท่นเสาให้สารน้ำอัตโนมัติพร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง
3. อุปกรณ์เสริมสำหรับเท้าและการผลิตอุปกรณ์ซิลิโคนพิมพ์แบบสามมิติ สำหรับรักษาภาวะเท้าแบนและนิ้วหัวแม่เท้าเอียง
ผลงานของกลุ่มวิจัยการออกแบบเชิงวิศวกรรมและการคำนวณ (Engineering Design and Computation Research Group: EDC) มีอะไรบ้าง?
ผลงานของกลุ่มวิจัย EDC ที่มีแผนส่งมอบในปี 2565 คือ
1. HI PETE (ไฮพีท) เต็นท์ความดันลบสำหรับแยกผู้ป่วย (Patient Isolation Chamber for Home Isolation)
2. รถพยาบาลสำหรับการแพทย์ฉุกเฉินปกติวิถีใหม่ ซึ่งมีโครงสร้างภายนอกและภายในสำหรับปกป้องผู้โดยสารกรณีเกิดอุบัติเหตุชน และมีระบบป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
3. ระบบดูแลผู้พักอาศัยเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีและปลอดภัย ซึ่งสามารถเรียนรู้พฤติกรรมผู้พักอาศัยและแจ้งเตือนผู้ดูแลเมื่อประเมินว่าอาจเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือเกิดพฤติกรรมที่ผิดปกติในบ้าน เพื่อความอุ่นใจของทั้งครอบครัวโดยไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้พักอาศัย
สำหรับงานที่มีแผนส่งมอบในปี 2566-2567 ได้แก่
1. ชุดสวมใส่สำหรับช่วยในการเคลื่อนไหวและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บสำหรับผู้สูงอายุ
2. ต้นแบบระบบจัดเก็บสัญญาณชีพและสัญญาณเสียงของหัวใจและปอดแบบพกพา (DaVis) ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบจัดเก็บสัญญาณชีพและสัญญาณเสียงของหัวใจและปอดในรูปแบบดิจิทัล เพื่อยกระดับการจัดทำฐานข้อมูลสุขภาวะและเพิ่มประสิทธิภาพการคัดกรองโรคระดับประชากรโดยเฉพาะผู้สูงวัยในพื้นที่ชนบท
3. ชุดสวมใส่เพื่อช่วยลดการบาดเจ็บในงานด้านอุตสาหกรรมและสุขภาพ
เอ็มเทคมีผลงานใดบ้างหรือไม่ที่มีส่วนในการช่วยเหลือทางการแพทย์ในระหว่างที่มีการระบาดของ COVID-19?
ผลงานที่มีส่วนในการช่วยเหลือทางการแพทย์ในระหว่างการแพร่ระบาดที่เป็นรูปธรรมมากงานหนึ่ง คือ PETE เปลปกป้อง ซึ่งเอ็มเทคได้ส่งมอบเปลปกป้องเพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่/อาสาสมัครของหน่วยงานต่างๆ รวม 50 แห่ง
ที่ควรกล่าวถึงเป็นพิเศษคือ เครือมติชนได้ร่วมกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM สนับสนุนการมอบ PETE เปลปกป้อง: เปลเคลื่อนย้ายผู้ป่วยความดันลบสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิดไปในแต่ละจุด โดยออกแบบส่วนแคปซูลไร้โลหะที่มีความแข็งแรงและปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 และสามารถนำผู้ป่วยเข้าเครื่องเอกซเรย์และเครื่องซีทีสแกน เพื่อสแกนปอดขณะอยู่บนเปลเพื่อคัดกรองอาการในสถานพยาบาล หรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลด้วยรถพยาบาลโดยไม่ต้องนำผู้ป่วยออกจากเปลความดันลบ ช่วยลดการแพร่เชื้อโรคบนอุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยลดเวลา ลดจำนวนคนที่ต้องใช้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดได้อีกด้วย
ผลงานนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากบริษัท สุพรีร่า อินโนเวชั่น จำกัด ในการผลิตและให้บริการซ่อมบำรุง จำนวน 10 ตัว รวมมูลค่า 2.5 ล้านบาท เพื่อมอบให้กับโรงพยาบาล 5 แห่ง แห่งละ 2 ตัว ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ และ ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ด้วยความเชื่อมั่นว่านวัตกรรมของคนไทยสามารถช่วยคนไทยได้ในยามวิกฤติ การมอบเปลดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของมหกรรมสุขภาพออนไลน์ Healthcare 2021 วัคซีนประเทศไทย #เราจะฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน โดยการส่งมอบมีขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน 2564
มีผลงานอื่นอีกหรือไม่ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ที่ได้เผยแพร่ออกไปเพื่อการใช้งานจริงแล้ว?
ผลงานวิจัย M-Wheel 2.0 แบบมือเดียว ซึ่งเป็นอุปกรณ์พ่วงต่อเพื่อเปลี่ยนรถเข็นธรรมดาให้เป็น “รถเข็นไฟฟ้า” ตอบโจทย์ผู้มีรายได้ปานกลางให้เข้าถึงความสะดวกสบาย ลดภาระผู้ดูแล สามารถช่วยเหลือตนเองได้มากขึ้น ใช้จอยสติ๊กแบบใหม่ซึ่งบังคับได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวเพื่อให้ใช้งานง่าย และตอบโจทย์ผู้พิการแขนข้างเดียวให้สามารถเลือกติดตั้งได้ในตำแหน่งทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของรถเข็น ผลงานนี้มีการใช้งานอยู่ที่โรงพยาบาลบ้านแพ้ว
ส่วนผลงาน RT Wheelchair จากทีมวิจัยชีวกลศาสตร์ กลุ่มวิจัยวัสดุและอุปกรณ์เฉพาะทางชีวภาพ คือรถเข็นนั่งปรับนอนได้สำหรับการถ่ายภาพเอกซเรย์ผู้ป่วย เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว โครงสร้างรองรับร่างกายทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ มีคุณสมบัติไม่ลดทอนคุณภาพรังสี มีช่องใส่แผ่นรับรังสีที่ปรับเลื่อนได้ตลอดในแต่ละตำแหน่งของตัวรถ ทำให้ได้ภาพเอกซเรย์ที่มีคุณภาพเพียงพอต่อการวินิจฉัย รถเข็นสามารถปรับเอนนอนได้ ง่ายต่อการจัดท่าได้ทุกส่วนของร่างกาย ลดการสัมผัสระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ป่วย รวมถึงลดการบาดเจ็บที่เกิดจากการเคลื่อนย้ายด้วย รถเข็นนี้ผ่านการรับรองมาตรฐานทางไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือแพทย์ (IEC 60601-1, IEC 60601-1-2) และมีการนำไปใช้งานในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่โรงพยาบาลบ้านแพ้ว และโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
นอกจากงานวิจัยแล้ว เอ็มเทคมีกิจกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องกับงานด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีบ้างหรือไม่?
ช่องทางหนึ่งที่เอ็มเทคใช้ในการประชาสัมพันธ์ผลงานวิจัย ได้แก่ การร่วมจัดนิทรรศการในงานต่างๆ เช่น
– งานมหกรรมสุขภาพ ‘เฮลท์แคร์: สุขภาพดี วิถีใหม่’ จัดโดยเครือมติชน และพันธมิตรตั้งแต่ปี 2563 เพื่อนำเสนอผลงาน และเป็นโอกาสในการพบปะกับผู้ใช้งานจริง
– งาน Thailand Industrial Fair & Food Pack Asia เป็นงานแสดงเทคโนโลยีเครื่องจักรแปรรูปธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์ และโลจิสติกส์แบบครบวงจร ในงานนี้เอ็มเทคนำผลงานไปแสดง 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่
1. ผลิตภัณฑ์คล้ายเนื้อไก่จากโปรตีนพืชหรือ Ve-chick ซึ่งใช้เทคโนโลยีการสับผสมและออกแบบโครงสร้างใหม่
2. ผลิตภัณฑ์ fibrous chicken analogue ที่มีลักษณะเป็นเส้นใยคล้ายเนื้อโดยใช้เทคโนโลยี extrusion
3. ผลิตภัณฑ์ขนมปังปราศจากกลูเตนและผลิตภัณฑ์นม หรือ V-ปัง
4. ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเยลลี่โปรตีนสูงเสริมแคลเซียมหรือ M-pro jelly drink และ
5. ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ปรับเนื้อสัมผัสให้บดเคี้ยวและกลืนง่าย
ข้อมูลอ้างอิง:
1. บทความพิเศษ: แนวคิดใหม่เกี่ยวกับ”สุขภาวะ” และ”การสร้างเสริมสุขภาพ” Chula Med J Vol.50 No.5 May 2006
2. https://www.sdgmove.com/2021/01/25/sdg-updates-good-health-and-well-being/