“บริษัทรู้สึกพึงพอใจมากต่อการดำเนินงานของนักวิจัย การส่งมอบงานได้ตามระยะเวลาที่กำหนด และผลงานที่ส่งมอบก็ตอบโจทย์ที่ให้ไว้ การร่วมงานในลักษณะนี้ช่วยย่นเวลาการทำงานของนักวิจัยในบริษัทได้”
ลลานา ธีระนุสรณ์กิจ
ผู้อำนวยการอาวุโส KCG Excellence Center
บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านการผลิตและนำเข้าผลิตภัณฑ์จากนมและอาหาร ทั้งยังเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องมือ และอุปกรณ์ในการทำเบเกอรี่ ตลอดจนเปิดโรงเรียนศิลปการทำเบเกอรี่และอาหารอิมพีเรียล (ไอบาฟ) ด้วย
ด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่า “เราจะเป็นบริษัทชั้นนำ ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์จากนมและอาหารรสเลิศ รวมทั้งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มุ่งมั่น เพื่อการดำเนินชีวิตที่ทันสมัย” ทำให้บริษัทให้ความสำคัญกับการวิจัยพัฒนา และการสร้างนวัตกรรม เพื่อให้การดำเนินธุรกิจมีความยั่งยืนและสามารถแข่งขันได้ทั้งในและต่างประเทศ
คุณลลานา ธีระนุสรณ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร (KCG Excellence Center) ระบุแนวคิดของการจัดตั้งศูนย์ฯ ว่า “ศูนย์ฯ ต้องการให้บริการใหม่ๆ โดยสร้างจุดต่างจากศูนย์วิจัยและพัฒนาทั่วไป กล่าวคือไม่ได้วิจัยและพัฒนาเพื่อองค์กรเท่านั้น แต่ขยายการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าของบริษัท ซึ่งจะสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า และเป็นที่พึ่งพาของลูกค้าได้”
ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารนอกจากจะมีนักวิจัยที่เชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์แต่ละอย่างแล้ว ยังมีความร่วมมือกับองค์กรอื่นทั้งในและต่างประเทศ คุณลลานากล่าวว่า “เนื่องจากธุรกิจส่วนหนึ่งของบริษัทเป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก ดังนั้น บริษัทต่างประเทศที่เป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็จะเป็นทั้งที่ปรึกษาในเรื่องโนว์ฮาวและเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงให้พนักงานในบริษัทไปฝึกงานเพื่อเรียนรู้กระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ส่วนความร่วมมือในประเทศ พันธมิตรส่วนใหญ่จะเป็นองค์กรของรัฐและมหาวิทยาลัยต่างๆ”
คุณลลานาเผยถึงจุดเริ่มต้นที่ได้ร่วมงานกับเอ็มเทคซึ่งเป็นองค์กรของรัฐว่า “เคยมีโอกาสไปเยี่ยมชม สวทช. ทำให้รู้ว่าเอ็มเทคมีความพร้อมทั้งเครื่องมือ นักวิจัย และนักวิชาการที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะด้านรีโอโลยีและเนื้อสัมผัสของอาหาร จึงทำให้เชื่อมั่นว่าจะสามารถร่วมงานกันในเรื่องที่บริษัทสนใจได้”
“การดำเนินงานที่ผ่านมา บริษัทไม่ได้คาดหวังว่าผลงานที่เอ็มเทคส่งมอบจะสามารถผลิตขายได้ทันที เพราะมีความแตกต่างกันในเรื่องเครื่องมือที่ใช้ จึงเป็นการทำงานแบบส่งไม้ต่อกัน โดยนักวิจัยเอ็มเทคส่งมอบต้นแบบระดับห้องปฏิบัติการให้แก่นักวิจัยของบริษัท เพื่อพัฒนาในระดับอุตสาหกรรมต่อไป อย่างไรก็ดี บริษัทรู้สึกพึงพอใจมากต่อการดำเนินงานของนักวิจัย การส่งมอบงานได้ตามระยะเวลาที่กำหนด และผลงานที่ส่งมอบก็ตอบโจทย์ที่ให้ไว้ การร่วมงานในลักษณะนี้ช่วยย่นเวลาการทำงานของนักวิจัยในบริษัทได้” คุณลลานากล่าว
เกี่ยวกับการร่วมงานกับเอ็มเทคในอนาคต คุณลลานากล่าวว่า “บริษัทสนใจอาหารเพื่อสุขภาพและอาหารสำหรับผู้สูงอายุ โดยอาหารสำหรับผู้สูงอายุจะเน้นที่กลืนง่าย และมีเนื้อสัมผัสที่เหมาะสม ซึ่งน่าจะตรงกับความเชี่ยวชาญของนักวิจัยเอ็มเทค บริษัทยังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม โดยเน้นไปที่บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ หรือบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับแต่ละผลิตภัณฑ์ เช่น บรรจุภัณฑ์ที่ช่วยยืดอายุของบิสกิตและชีส เป็นต้น”
คุณลลานายังแนะนำเพิ่มเติมว่า “เอ็มเทคน่าจะจัดให้ทีมนักวิจัยนำเสนอผลงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท เช่น อาหารเพื่อสุขภาพ อาหารสำหรับผู้สูงอายุ หรือให้ความรู้ด้านบรรจุภัณฑ์และฉลากที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเปิดโอกาสในการสร้างความร่วมมือต่อไปในอนาคต”