โครงการวิจัย

ระบบควบคุมคุณภาพในกระบวนการผลิตชิ้นส่วนพลาสติก
โดยการใช้เทคโนโลยีแมชชีนวิชันและเทคโนโลยีการพิมพ์กล่องอัตโนมัติ

ที่มาของโจทย์วิจัย ความถูกต้องในการบรรจุสินค้า เป็นปัจจัยสำคัญที่แสดงถึงมาตรฐานของโรงงานผลิตและธุรกิจโดยรวม การส่งมอบสินค้าที่มีการบรรจุไม่ถูกต้อง บรรจุภัณฑ์ผิดประเภท หรือมีปริมาณไม่ตรงตามที่ระบุไว้ออกสู่ตลาด ย่อมส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นในเชิงธุรกิจ การใช้วิธีสุ่มตรวจก็ไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้ 100% เนื่องจากยังยอมให้สินค้าที่ไม่ถูกต้องออกสู่ตลาด ระบบการตรวจสอบความถูกต้องของการบรรจุสินค้าอัตโนมัติจึงเป็นเทคโนโลยีที่จำเป็นอย่างยิ่ง ในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า และทำให้เกิดความถูกต้องในระบบบริหารจัดการภายในโรงงานผลิตเอง บริษัท นวพลาสติก อุตสาหกรรม จำกัด ในเครือบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG มุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจ โดยการยกระดับกระบวนการผลิตให้ทันสมัย จึงต้องการระบบควบคุมคุณภาพกระบวนการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกที่มีประสิทธิภาพสูง ถูกต้องแม่นยำและทำงานได้อย่างอัตโนมัติ อีกทั้งสามารถเชื่อมต่อกับระบบฐานข้อมูลที่ทันสมัย รองรับการก้าวเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 เป้าหมาย พัฒนาระบบการควบคุมคุณภาพสำหรับกระบวนการบรรจุสินค้า โดยการใช้เทคโนโลยีแมชชีนวิชัน (ระบบกล้องและซอฟต์แวร์อัตโนมัติ) ที่สามารถตรวจสอบความถูกต้องในการบรรจุผลิตภัณฑ์ ให้เป็นไปตามรหัสสีข้างกล่อง ตรวจสอบจำนวนการบรรจุในแต่ละกล่อง และพิมพ์ข้อมูลสินค้าข้างกล่องโดยอัตโนมัติ การมองและแยกแยะใช้ระบบกล้อง ส่วนการคำนวณใช้ซอฟต์แวร์อัตโนมัติ ทีมวิจัยทำอย่างไร ทีมวิจัยกับทีมวิศวกรของบริษัทฯ ได้ร่วมกันกำหนดความสามารถที่จำเป็นและลักษณะการทำงานของเครื่องต้นแบบที่ต้องการ เพื่อออกแบบกลไกการทำงานของเครื่อง ทั้งระบบสายพานลำเลียง ระบบลม ระบบไฟฟ้า เซ็นเซอร์ และอื่นๆ นอกจากนี้ ยังพัฒนาระบบแมชชีนวิชัน ซึ่งใช้ข้อมูลภาพที่ได้จากกล้อง ผ่านการประมวลผลด้วยซอฟต์แวร์โดยใช้เทคนิคที่ชื่อว่า Sample-Based Identification […]

ผลกระทบของบรรยากาศการเผาซินเทอร์ ต่อสมบัติของชิ้นงานเหล็กกล้าไร้สนิม

ที่มาของโจทย์วิจัย บริษัท Standard Unit Supply (Thailand) จำกัด ต้องการพัฒนากระบวนการอัดและเผาซินเทอร์ เพื่อแก้ไขปัญหาผลิตภัณฑ์บางอย่างที่มีความต้านทานการกัดกร่อนต่ำ ก่อนที่จะมาทำงานร่วมกับเอ็มเทค บริษัทเคยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในและนอกประเทศ แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ เป้าหมาย ปรับปรุงกระบวนการเผาซินเทอร์เพื่อเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อน โดยไม่กระทบต่อสมบัติอื่นๆ ของชิ้นงาน ทีมวิจัยทำอย่างไร ตรวจสอบสาเหตุของปัญหา จากการวิเคราะห์ชิ้นงานและกระบวนการ พบว่าปัญหาเกิดจากบรรยากาศการเผาและกระบวนการขัดผิวไม่เหมาะสม ออกแบบกระบวนการผลิต จำนวน 21 รูปแบบ และทดลองระดับห้องปฏิบัติการที่เอ็มเทค เพื่อหากระบวนการที่เหมาะสม ทดสอบกระบวนการผลิตในระดับประลองและต่อเนื่องในระดับอุตสาหกรรมที่บริษัท (1 ส.ค. – 31 ต.ค. 2559) โดยทีมวิจัยของเอ็มเทคให้คำปรึกษาตลอดการทดสอบ ผลการทดสอบ พบว่าชิ้นงานมีความต้านทานการกัดกร่อนสูงขึ้นอย่างน้อย 10 เท่าจากผลการทดสอบความทนละอองน้ำเกลือ และมีสมบัติอื่น เช่น ความสามารถในการรับแรง เป็นไปตามข้อกำหนดของบริษัท สถานภาพปัจจุบัน บริษัทได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตเชิงพาณิชย์ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง และยอดขายเพิ่มขึ้น นอกจากนั้น ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมยังลดลงเนื่องจากกระบวนการผลิตปรับปรุงใหม่ไม่ก่อให้เกิดน้ำเสีย เมื่อมองทั้งกระบวนการพบว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 140 ล้านบาทต่อปี แผนงานในอนาคต ทีมวิจัยมุ่งมั่นวิจัยเพื่อสั่งสมองค์ความรู้ และสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมโดยดำเนินการวิจัยและพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหา […]

กังหันลมแกนตั้งชนิดเดเรียสที่สามารถเริ่มต้นหมุนได้ด้วยตัวเอง

ที่มาของโจทย์วิจัย กังหันลมแกนตั้งชนิดเดเรียส (Darrieus vertical axis wind turbine) มีศักยภาพที่จะนำมาใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้าเนื่องจากมีประสิทธิภาพทัดเทียมกับกังหันลมแกนนอนที่ใช้กันโดยทั่วไป อย่างไรก็ดี กังหันลมชนิดนี้มีข้อด้อยประการหนึ่ง คือ ไม่สามารถเริ่มต้นหมุนได้ด้วยตัวเองหากไม่มีการขับให้หมุนในตอนต้น งานวิจัยนี้แก้ปัญหาดังกล่าว เป้าหมาย กังหันลมแกนตั้งชนิดเดเรียส (Darrieus vertical axis wind turbine) มีศักยภาพที่จะนำมาใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้าเนื่องจากมีประสิทธิภาพทัดเทียมกับกังหันลมแกนนอนที่ใช้กันโดยทั่วไป อย่างไรก็ดี กังหันลมชนิดนี้มีข้อด้อยประการหนึ่ง คือ ไม่สามารถเริ่มต้นหมุนได้ด้วยตัวเองหากไม่มีการขับให้หมุนในตอนต้น งานวิจัยนี้แก้ปัญหาดังกล่าว ทีมวิจัยทำอย่างไร เป้าหมายของงานวิจัยคือ พัฒนากังหันลมแกนตั้งชนิดเดเรียสให้สามารถเริ่มต้นหมุนได้ด้วยตัวเองที่ความเร็วลม 3 เมตรต่อวินาที และมีกำลังการผลิต 500 วัตต์ที่ความเร็วลม 8 เมตรต่อวินาที การทำให้กังหันเริ่มต้นหมุนเองจำเป็นต้องพัฒนาเทคโนโลยีสองส่วน ได้แก่ (1) เทคโนโลยีใบพัด และ (2) เทคโนโลยีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและระบบควบคุม ในส่วนแรก ได้ออกแบบรูปร่างของใบพัดขึ้นมาใหม่โดยใช้แบบจำลองเชิงตัวเลข พร้อมกับใช้เทคนิคการพับขึ้นรูปอะลูมิเนียม เพื่อให้ได้ใบพัดที่แข็งแรงและมีน้ำหนักเบา ในส่วนที่สอง ได้พัฒนาเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ไม่มีแรงต้านการหมุนที่เกิดจากแม่เหล็ก (cogging torque) เพื่อลดแรงต้านการหมุนที่ชุดใบพัดต้องเอาชนะ ในขณะเดียวกันระบบควบคุม จะทำหน้าที่ลดแรงต้านจากโหลดทางไฟฟ้าเพื่อให้กังหันสามารถเร่งการหมุนตัวได้ดียิ่งขึ้น ผลการทดสอบ […]

การศึกษาพฤติกรรมการกัดกร่อนของท่อเหล็กกล้าไร้สนิมเกรด 304
เพื่อประเมินระดับความเสี่ยงจากการกัดกร่อนของชิ้นส่วนใช้งานในเครื่องควบแน่นของระบบผลิตไฟฟ้า

การศึกษาพฤติกรรมการกัดกร่อนของท่อเหล็กกล้าไร้สนิมเกรด 304 เพื่อประเมินระดับความเสี่ยงจากการกัดกร่อนของชิ้นส่วนใช้งานในเครื่องควบแน่นของระบบผลิตไฟฟ้า โรงไฟฟ้ากังหันไอน้ำมีขั้นตอนการควบแน่นไอน้ำด้วยน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งโดยปกติมีคลอไรด์ปนเปื้อนในปริมาณต่ำ อย่างไรก็ตามในบางฤดูกาล เช่น ฤดูแล้ง ปริมาณคลอไรด์อาจสูงขึ้นถึง 5,000 ppm จากปัญหาน้ำทะเลหนุน และคงสภาพเช่นนี้นาน 3-5 วัน ปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้ท่อเหล็กกล้าไร้สนิม 304 เกิดความเสียหายจากการกัดกร่อนได้หากไม่มีการป้องกัน หรือไม่มีขั้นตอนการเฝ้าระวังที่เหมาะสม โรงไฟฟ้าอาจต้อง shutdown โดยค่าใช้จ่ายเพื่อการสำรองไฟฟ้า 3 วัน มีมูลค่า 8 ล้านบาทต่อครั้ง ด้วยเหตุนี้ ทีมวิจัยจึงได้ดำเนินโครงการการศึกษาพฤติกรรมการกัดกร่อนของท่อเหล็กกล้าไร้สนิมเกรด 304 ในระบบควบแน่น เพื่อหาเงื่อนไขการทำงานที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดการกัดกร่อน ผลที่ได้จากโครงการดังกล่าว ได้แก่ ต้นแบบเครื่องทดสอบการกัดกร่อนภายใต้การไหลของระบบควบแน่น เงื่อนไขอุณหภูมิและอัตราการไหลของของเหลวที่ไม่ก่อให้เกิดการกัดกร่อนแบบรูเข็ม วิธีการดำเนินงานเพื่อป้องกันความเสียหายของท่อ โรงไฟฟ้าลดค่าใช้จ่ายจากผลกระทบเมื่อมีเหตุความเสียหายมูลค่ารวม 4.1 ล้านบาท

Towards Commercial Production of Ti Foam with High Compressibility

ดร.อัญชลี มโนนุกุล (หัวหน้าโครงการ) นาง มากิโกะ ทันเกะ นายปฐมภูมิ ศรีกุดเวียน และ นายนิพนธ์ เด็นหมัด   ที่มาโครงการ ไททาเนียมเป็นวัสดุที่ไวต่อการทำปฏิกิริยาที่อุณหภูมิสูงทำให้ไททาเนียมถูกปนเปื้อนได้ง่ายระหว่างกระบวนการผลิตโฟมโลหะแบบรูพรุนต่อเนื่อง ถ้าสามารถควบคุมสารปนเปื้อนให้น้อยลงได้จะสามารถผลิตโฟมไทเทเนียมที่มีความแข็งแรงสูงขึ้น และมี application ใหม่ๆ เช่น วัสดุปลูกฝังในร่างกาย ขั้วเคมีไฟฟ้า ตัวกรองน้ำโลหะ ฯลฯ สรุปผลการดำเนินโครงการ กระบวนการผลิตโฟมไททาเนียมแบบเซลเปิดโดยใช้กระบวนการชุบสารแขวนลอยกับต้นแบบโฟมพอลิเมอร์ได้ถูกวิจัยและพัฒนาขึ้น จากองค์ความรู้เดิมซึ่งเอ็มเทคได้ยื่นจดสิทธิบัตรไว้ โดยปรับวัสดุตั้งต้นและตัวแปรในการผลิตให้สามารถผลิตโฟมไททาเนียมที่มีสมบัติเชิงกลดี ปัจจุบันได้ผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์โดยบริษัท Taisei Kogyo (Thailand) Co., Ltd. ผลงานที่เกิดขึ้น ก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท /ปี สิทธิบัตรไทย 4 ฉบับ (สิ่งประดิษฐ์ 2, ออกแบบ 2) ผลงานในวารสารนานาชาติมี IF 4 ฉบับ รางวัลผลงานวิจัยระดับดีเด่น วช. 2559

1 18 19 20 21 22 26